เช็ก สูตรฉีด "วัคซีนโควิด-19" เข็ม 3-4 ป้องกัน โอมิครอน BA.2 ได้หรือไม่
เช็กสูตรฉีด "วัคซีนโควิด-19" เข็ม 3 และ เข็ม 4 ล่าสุด มีสูตรไหนบ้าง พร้อมผลการศึกษา กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดป่วย หนัก เสียชีวิต และ ผลการศึกษาภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย BA.2
ข้อมูล จากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 รายงานผลการฉีด "วัคซีนโควิด-19" จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 11 เม.ย. 2565) รวม 131,325,546 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 55,940,125 ราย (80.4%)
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 50,610,252 ราย (72.8%)
- จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 24,775,169 ราย (35.6%)
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 11 เมษายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 44,671 โดส
- เข็มที่ 1 : 8,373 ราย
- เข็มที่ 2 : 11,171 ราย
- เข็มที่ 3 : 25,127 ราย
สูงวัยตายสูง ฉีดเข็ม 3 สะสม 33.8%
ทั้งนี้ เมื่อดูอัตราการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของไทย พบว่า การฉีดเข็ม 3 อยู่ที่ 24,775,169 ราย หรือ 35.6% ขณะเดียวกัน เมื่อดูในกลุ่มเป้าหมายหลักของประเทศ ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด โดยในวันนี้ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 101 ราย เป็นกลุ่มสูงวัยทั้งสิ้นกว่า 83 ราย หรือคิดเป็น 82%
เมื่อดูการฉีดวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมาย พบว่า
กลุ่มสูงวัย 60 ปีขึ้นไป เป้าหมาย 12,704,543 ราย
ฉีดเข็ม 1 สะสม 83.9%
ฉีดเข็ม 2 สะสม 79.5%
ฉีดเข็ม 3 สะสม 38.8%
กลุ่ม 5-11 ปี เป้าหมาย 5,150,082 ราย
ฉีดเข็ม 1 สะสม 48.7%
ฉีดเข็ม 2 สะสม 3.4%
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น สธ. แนะนำให้ผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็ม เข้ารับการฉีดเข็มกระตุ้นเมื่อถึงเวลากำหนด ข้อมูล จากการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมคุ้มกันโรค เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2565 เรื่อง การฉีดวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้น โดยมีคำแนะนำในการให้วัคซีน ดังนี้
1.การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยมีระยะห่างจากเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป
- แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 โดยมีระยะห่างจากเข็มที่ 3 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
ฉีด "ไฟเซอร์" ครึ่งโดสได้
กรณีกระตุ้นด้วยวัคซีน “ไฟเซอร์” สามารถฉีดขนาดครึ่งโดสได้ ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์และความสมัครใจของผู้รับวัคซีน ทั้งนี้ มีข้อมูลการศึกษาในผู้ใหญ่ที่แข็งแรงดีว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ไม่มีการศึกษาในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเด็ก
2.การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเด็กอายุ 12-17 ปี
แนะนำใหแด็กอายุ 12-17 ปีที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม เข้ารับวัคซีนชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3 ขนาดโดสมาตรฐาน โดยมีระยะห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลาตั้งแต่ 4-6 เดือนขึ้นไป
3.การให้วัคซีนโควิด 19 ในผู้ที่มีประวัติติดโควิด-19
แนะนำให้วัคซีนโควิด-19 ในผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 ได้ตามหลักการเดียวกับผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน โดยให้วัคซีนหลังจากการติดเชื้อ เป็นเวลา 3 เดือน
ปรับสูตรฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไฟเซอร์ 2 เข็ม
สำหรับแนวทางการให้วัคซีนโควิด-19 ของสธ. สำหรับการฉีดเป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Booster dose)
วัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3
สูตรที่ 1
เข็มที่ 1 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 2 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 3 แอสตร้าเซเนก้า
ระยะห่างระหว่างเข็ม2-3 ที่ 4 สัปดาห์
สูตรที่ 2
เข็มที่ 1 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 2 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 3 แอสตร้าฯ
ระยะห่างระหว่างเข็ม2-3 ที่ 3 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 3
เข็มที่ 1 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 2 ไฟเซอร์
เข็มที่ 3 ไฟเซอร์
ระยะห่างระหว่างเข็ม2-3 ที่ 3 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 4
เข็มที่ 1 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 2 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 3 ไฟเซอร์
ระยะห่างระหว่างเข็ม2-3 ที่ 3 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 5
เข็มที่ 1 ไฟเซอร์
เข็มที่ 2 ไฟเซอร์
เข็มที่ 3 ไฟเซอร์
ระยะห่างระหว่างเข็ม 2-3 ที่ 3 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 6
เข็มที่ 1 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 2 ไฟเซอร์
เข็มที่ 3 ไฟเซอร์
ระยะห่างระหว่างเข็ม2-3 ที่ 3 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 7
เข็มที่ 1 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 2 แอสตร้า
เข็มที่ 3 แอสตร้าฯ
ระยะห่างระหว่างเข็ม2-3 ที่ 3 เดือนขึ้นไป
ฉีดแอสตร้าฯ เป็นเข็มกระตุ้น ได้หรือไม่
ทั้งนี้ เพิ่มทางเลือกให้ผู้รับวัคซีนสามารถรับการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ เป็นเข็มกระตุ้นได้ในผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ 2 เข็ม โดยหากเว้นระยะห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไป จะได้ภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนสูตรแอสตร้าฯ 3 เข็ม ภูมิฯ อาจไม่สูงเท่าการฉีดวัคซีน แอสตร้าฯ 2 เข็ม และ เข็มที่ 3 เป็นไฟเซอร์ ให้พิจารณาฉีดผู้ที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีน mRNA และวัคซีนโมเดอร์นา สามารถเป็นเข็มกระตุ้นได้ในทุกสูตรวัคซีนข้างต้น
สูตรฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4
สูตรที่ 1
เข็มที่ 1 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 2 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 3 แอสตร้าเซเนก้า
เข็มที่ 4 แอสตร้าฯ
ระยะห่างระหว่างเข็ม3- 4 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 2
เข็มที่ 1 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 2 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 3 ไฟเซอร์
เข็มที่ 4 ไฟเซอร์
ระยะห่างระหว่างเข็ม3- 4 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 3
เข็มที่ 1 ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
เข็มที่ 2 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 3 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 4 ไฟเซอร์
ระยะห่างระหว่างเข็ม 3- 4 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
สูตรที่ 4
เข็มที่ 1 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 2 แอสตร้าฯ
เข็มที่ 3 ไฟเซอร์
เข็มที่ 4 ไฟเซอร์
ระยะห่างระหว่างเข็ม3- 4 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
ผลการศึกษากระตุ้นภูมิ
ทั้งนี้ จากการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนจากการใช้จริงระยะที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในพื้นที่เชียงใหม่ โดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับคณะทำงานติดตามประสิทธิผลวัคซีนโควิด 19 และคณะทำงานด้านวิชาการ ดำเนินการเก็บข้อมูลช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ 2565 พบว่า
ฉีด 2 เข็ม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้
ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 45-68%
ฉีด 4 เข็ม ป้องกันติดเชื้อได้ 82%
ส่วนการป้องกันการเสียชีวิต
ฉีด 2 เข็ม ป้องกันได้ 85-93%
ฉีด 3 เข็ม ป้องกันได้ 98%
ฉีด 4 เข็ม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ผลทดสอบวัคซีนกับ สายพันธุ์ BA.2
เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด19 ประเด็น "ภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ย่อย BA.2" นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการศึกษาการตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับวัคซีน ด้วยวิธีมาตรฐานโลก โดยการเอาภูมิคุ้มกันในน้ำเลือดมาสู้กับไวรัสเป็นๆ คือ โอมิครอนBA.2 ที่เพาะเลี้ยงเพื่อให้ได้ปริมาณเพิ่มขึ้นเพียงพอในการศึกษา และเอาน้ำเลือดมาเจือจางเป็นเท่าๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ฆ่าไวรัสได้ครึ่งหนึ่งก็จะเป็นจุดที่หยุด เช่น หากเจือจางไป 100 เท่าแล้วฆ่าไวรัสได้ครึ่งหนึ่ง ไตเตอร์ก็จะเท่ากับ 100 ซึ่งการตร ซึ่งต้องทำในห้องปฏิการวิทยาศาสตร์(แล็ป) ที่มีความปลอดภัยระดับ 3 เท่านั้น ปัจจุบันมีที่ กรมวิทย์ฯ ที่เดียว ใช้เวลาประมาณ 7-8 วัน
"ผลเบื้องต้นพบว่า คนที่ฉีดวัคซีนไม่ว่าสูตรใดและทั้งการฉีด 2 เข็ม และ 3 เข็ม ปรากฎว่าภูมิคุ้มกันลบล้างไวรัสโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 สูงกว่า BA.1 แปลว่าภูมิจัดการ BA.2 ได้มากกว่า BA.1 ดังนั้น ที่กังวลว่า BA.2 จะหลบภูมิวัคซีนได้มาก น่าจะไม่จริง ซึ่งการศึกษานี้ใช้เลือดหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 สัปดาห์ ช่วงที่ภูมิฯน่าจะขึ้นสูง” นพ.ศุภกิจ กล่าว
ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน BA.2 หลังรับวัคซีน 2 สัปดาห์
กรณีวัคซีน 2 เข็ม
ซิโนแวค+แอสตราเซนเนก้า อยู่ที่ 17.09
แอสตราฯ 2 เข็ม อยู่ที่ 92.66
ไฟเซอร์2 เข็ม อยู่ที่ 59.06
ซิโนแวค+ไฟเซอร์ อยู่ที่ 95.98
แอสตราฯ+ไฟเซอร์ อยู่ที่ 84.48
กรณีวัคซีน 3 เข็ม
- ซิโนแวค 2เข็ม+แอสตราฯ 184.6
- ซิโนแวค 2 เข็ม+ไฟเซอร์ 489.4
- แอสตราฯ 2 เข็ม+ไฟเซอร์ 351.1
- ซิโนแวค+แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์ 270.7
- ซิโนแวค+ แอสตราฯ +แอสตร้าฯ 84.6
จำเป็นต้องฉีดเข็ม 3
นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า แม้ภูมิฉีด 2 เข็มจะจัดการ BA.2 ได้สูงกว่า BA.1 แต่ภูมิ 2 เข็มขึ้นมาไม่ได้มากนัก เพราะฉะนั้น หากมีการฉีด 2เข็มมานาน ภูมิจะตกลงเรื่อยๆ ขณะที่ผู้ฉีดวัคซีน 3 เข็มหรือบูสเตอร์ ภูมิสูงกว่า จึงเป็นสาเหตุต้องให้มาฉีดเข็ม 3
ภูมิคุ้มกันหลังรับวัคซีน 1 เดือน
- ซิโนแวค 2 เข็มอยู่ที่ 11.21
- แอสตราฯ 2 เข็มอยู่ที่ 26.28
- ซิโนแวค 2 เข็ม+แอสตราฯ อยู่ที่ 61.28
- ซิโนแวค 2เข็ม+ไฟเซอร์ อยู่ที่ 94.68%
นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า การศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับของเชียงใหม่ที่ศึกษาแบบเรียลเวิลด์ พบว่า 2 เข็มช่วยไม่ได้มาก แต่บูสเตอร์จะช่วยป้องกันการติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะลดการเสียชีวิต นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค มีข้อมูลตัวเลขจริง กรณีคนที่เสียชีวิตต่อล้านคนมาเทียบ พบว่า คนไม่ฉีดวัคซีนเสียชีวิต 767 ต่อล้านคน
ขณะที่ ฉีดวัคซีน 1 เข็มเหลือเสียชีวิต 366 ต่อล้านคน เมื่อฉีด 2 เข็ม เหลือ 145 ต่อล้านคน แต่เมื่อฉีดวัคซีนบูสเตอร์เป็น 3 เข็มจะพบเสียชีวิต 25 ต่อล้านคน หรือเสียชีวิตลดลง 31 เท่า ส่วนฉีด 4 เข็ม ยังมีการฉีดน้อย 1-2 แสน ยังไม่มีใครเสียชีวิตเลย ข้อมูลนี้ ยืนยันได้ว่า ใครที่ลังเล หรือรับข้อมูลสร้างความสับสน ทำให้ไม่อยากฉีดวัคซีน กรุณาดูข้อมูลตรงนี้ และเลือกว่าจะเสี่ยงอย่างไร ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง ตัวเลขไม่ได้โกหกใคร
นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อไปว่า สรุปคือ ภูมิคุ้มกันต่อ BA.2 ดีกว่า BA.1 จึงอย่ากังวลว่า BA.2 เต็มประเทศจะทำให้ภูมิแย่ลง ซึ่งข้อมูลชัดว่า สู้ได้ ส่วนคนที่ฉีด 2 เข็ม โดยเฉพาะกลุ่มวัคซีนเชื้อตาย หรือแม้แต่ไวรัลแวกเตอร์ เกิน 1 เดือน ภูมิต่อ BA.2 ลดลงมากพอสมควร จึงควรมาฉีดกระตุ้น ยิ่งหากฉีดนานแล้วยิ่งต้องมาฉีด ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้เสนอเรื่องนี้เข้าไปด้วย
หลักการฉีดบูสเตอร์ต้องเว้นระยะพอสมควร อย่างเข็ม 2 แล้วทิ้ง 1 เดือนไป ฉีดเข็ม 3 อาจไม่ดีพอ แต่ก็ต้องพิจารณาเป็นกรณี เพราะวัคซีนบางชนิดทำภูมิตกเร็ว จะรออาจช้าเกินไป ซึ่งตรงนี้ก็มีข้อมูลให้คณะกรรมการฯ พิจารณาว่า อาจเป็นเงื่อนไข 1-3 เดือนหรือไม่ และต้องการให้ภูมิฯสูงเร็วขึ้น เป็นต้น