ม.หอการค้าฯ สร้างบัณฑิตสู่โลกการทำงาน รับมือ "Disruption"
"มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย" ชูคณะบริหารธุรกิจ ยืน 1 หลักสูตร สร้างบัณฑิตสู่โลกการทำงาน รับมือยุค "Disruption" พร้อมชวนรุ่นพี่จุดประกายพลังฝัน เด็กหัวการค้า NextGen
ในโลกศตวรรษที่ 21 ที่เต็มไปด้วยการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งการหยุดนิ่ง ล้วนเป็นสิ่งท้าทายความสามารถของสถาบันในระดับอุดมศึกษาในการสร้างบัณฑิต ที่ก้าวสู่การเป็นทรัพยากรมนุษย์ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นกำลังสำคัญของตลาดแรงงานในอนาคต
นำไปสู่ความตื่นตัว และเสริมศักยภาพปรับหลักสูตรการศึกษา ตลอดจนการเรียนการสอนที่ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมของเด็กรุ่นใหม่ และสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเทคโนโลยี หรือความต้องการของผู้เรียนที่เปลี่ยนไปตามค่านิยมของเจนเนอเรชั่น
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาภาคเอกชนที่ไม่แสวงกำไรชั้นนำของเอเชีย โดยมีหลายส่วนที่มหาวิทยาลัยฯ พัฒนาและตั้งการ์ดรับมือกับ Disruption จากหลากหลายปัจจัยที่ก่อตัวขึ้น โดยเฉพาะ คณะบริหารธุรกิจ มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดจากทุกคณะ
Multitasking skill ปัจจัยสำคัญ คนทำงาน
ดร.รวิดา วิริยกิจจา คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันที่เราต่างทราบกันดี ทำให้ภาคธุรกิจมีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการตัดสินใจที่ถี่ถ้วน ในการจะรับบุคลากรใหม่เข้าทำงานในองค์กร หากมีความจำเป็นต้องรับบุคลากรเพิ่ม ก็สามารถรับได้ในจำนวนที่จำกัด
ดังนั้น ปัจจัยสำคัญของการเลือกรับคนเข้าสู่องค์กร คือต้องเป็น “ตัวจริง” ในด้านการทำงาน มีศักยภาพการทำงานในแบบ Multitasking skill และมีประสบการณ์แบบ Hands on-experience คณะบริหารธุรกิจ ม.หอการค้าไทย จึงพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การเติมเต็มผู้เรียนให้มีประสบการณ์จากการปฏิบัติจริงมากกว่าคลังความรู้ในเชิงทฤษฎี พร้อมทำงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด
"ซึ่งก็เป็นที่น่าภูมิใจว่าหลาย ๆ องค์กรมี feedback ที่ดีต่อบัณฑิตจากรั้ว ม.หอการค้าไทย ว่ามีสมรรถนะในการทำงานที่หลากหลาย และมีความอดทนสูง มีทักษะด้านการแก้ปัญหา การตัดสินใจ ตลอดจน digital skill ที่จะสามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มการสื่อสารของแต่ละองค์กร ซึ่งในปีการศึกษา 2565 เป็นต้นไป ภารกิจการดำเนินงานของคณะบริหารธุรกิจ ม.หอการค้าไทย จะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถเท่าทันเทคโนโลยีดิจิทัลให้มากที่สุด”
พัฒนาหลักสูตรด้วย Strong connection
หลักกฎข้อบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา มีข้อกำหนดให้คณะและสาขาวิชาของแต่ละมหาวิทยาลัยจะต้องมีพันธกิจในการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรทุก 5 ปี แต่ข้อได้เปรียบหนึ่งของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คือการทำงานเคียงคู่กับหอการค้าไทย ซึ่งมีสมาชิกที่ล้วนเป็นองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ไปจนถึงระดับ SMEs ซึ่งมีความใกล้ชิดและนำไปสู่การสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดอยู่เสมอ ทำให้ได้ไอเดียต่อยอดในการปรับแนวทางการเรียนการสอน อีกทั้งยังมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขางานที่ตอบโจทย์ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง
ยกหนึ่งกรณีตัวอย่าง จากกระแสการลงทุนใน Cryptocurrency (คริปโทเคอร์เรนซี่) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายของเหล่านักลงทุนรุ่นใหม่ที่เล็งเห็นถึงโอกาสจากสินทรัพย์ดิจิทัล จึงนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ Bitkub ซึ่งได้วิทยากรทั้งผู้บริหารและบุคลากรซึ่งมีประสบการณ์การลงทุนในคริปโทจนเกิดความชำนาญ มาถ่ายทอดองค์ความรู้ คู่กับพาให้นักศึกษาได้ปฏิบัติ โดยลงทุนและเทรดจริง
ตลอดจนการศึกษาดูงาน ที่ Bitkub M Social ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ หรือการพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ เรามีการสำรวจแนวทางการพัฒนานวัตกรรมในธุรกิจโลจิสติกส์ของไทย จนเกิดความร่วมมือกับ Flash Express ในการพัฒนาหลักสูตร และกิจกรรมร่วมกัน พร้อมการถ่ายทอดองค์ความรู้จากวิทยากรซึ่งเป็นบุคลากรเช่นกัน นอกจากนี้เรายังร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีก อาทิ CP All, CJ Express และ CPN
กล่าวโดยสรุปคือ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการพัฒนาหลักสูตรอย่างไม่เป็นทางการในระหว่างทางก่อนครบกำหนด 5 ปี เพิ่มกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะและส่งเสริมการเรียนรู้ ได้ก่อนการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรในเชิงวิชาการ ด้วยเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับภาคเอกชน ที่พร้อมสนับสนุนการสร้างบุคลากรเพื่อตลาดแรงงานและผู้ประกอบการที่ก้าวสู่การเป็นกำลังสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจในโลกอนาคต
"อีกทั้งปีการศึกษานี้ ภารกิจสำคัญของเรา คือ การปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ นั่นคือ จำนวนหน่วยกิต จากหน่วยกิตบังคับเดิมอยู่ที่ 138 หน่วยกิต ให้เหลือเพียง 120 หน่วยกิตเท่านั้น เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างกระชับและคล่องตัว และให้นักศึกษาสามารถทุ่มเทเวลาให้กับรายวิชาที่เน้นการปฏิบัติมากขึ้น”
สหกิจอาจารย์ เน้นสอนจากประสบการณ์มากกว่าตำเราเรียน
ไม่เฉพาะแค่การพัฒนาผู้เรียนให้มีความเก่งและเชี่ยวชาญในภาคปฏิบัติ แต่มหาวิทยาลัยฯ ยังมี “สหกิจอาจารย์” ซึ่งเป็นนโยบายการส่งอาจารย์ผู้สอนที่ไม่มีภารกิจการสอนในช่วงภาคฤดูร้อน ไปฝึกปฏิบัติงานจริงกับองค์กรเอกชนซึ่งเป็นเครือข่ายสมาชิกหอการค้าไทย เพื่อสร้างความรู้ในทางปฏิบัติและประสบการณ์ที่เหนือไปกว่าความรู้จากวิชาการและงานวิจัย
"เพราะจุดอ่อนข้อหนึ่งของอาจารย์ผู้สอนซึ่งไม่เคยทำงานจริง คือ การขาดประสบการณ์ที่จะสามารถถ่ายทอดแก่ผู้เรียนได้ ดังนั้นการเป็นอาจารย์ผู้สอน นอกจากจะเป็น “Instructor” แล้วต้องมีคุณสมบัติของการเป็น Practitioner คือการเป็นนักปฏิบัติด้วย จึงจะสามารถเป็น “เจ้าของประสบการณ์จริง” และ “พร้อมสอน” ตามความต้องการที่ผู้เรียนรุ่นใหม่ต่างมองหา มากกว่าความรู้ที่ปรากฏอยู่แค่ในตำราเรียน” คณบดีคณะบริหารธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวทิ้งท้าย
จุดประกายพลังฝัน จากรุ่นพี่ถึง #เด็กหัวการค้าNextGen
นางสาวลิเลียน ไออันซอน ศิษย์เก่าคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าว่า “จากประสบการณ์ตลอด 4 ปี ในรั้ว ม.หอการค้าไทย สัมผัสได้ว่าหลักสูตรของมหาวิทยาลัยมีความทันสมัยอย่างมาก อาจารย์ทุกท่านที่สอนเรามาให้ความดูแลเอาใจใส่ พร้อมให้คำปรึกษาในทุกเรื่องการเรียนที่เราสงสัยได้ครบทุกมิติ ทั้งเรื่องวิชาการและการปฏิบัติในประเทศและต่างประเทศ มีความเปิดกว้างอย่างมากในเรื่องของไอเดียการทำกิจกรรมหรือโปรเจคต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราในฐานะผู้เรียน
ได้ประสบการณ์การทำงานในระหว่างเรียนจากการร่วมโปรเจคกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายจริงในท้องตลาด ได้รับการโค้ชชิ่งจากผู้บริหารธุรกิจที่เป็นเจ้าของ “ประสบการณ์จริง” ทำให้เราสามารถนับหนึ่งประสบการณ์การทำงานได้ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา หากจะต้องไกด์ไลน์น้อง ๆ รุ่นใหม่ที่กำลังตัดสินใจเลือกเส้นทางตามความฝัน อยากแนะนำว่าถ้ารู้ตัวเองว่าชอบหรือใฝ่ฝันจะทำ หรือเรียนอะไร ขอให้ศึกษาหาข้อมูลในสิ่งที่เราต้องการอย่างเต็มที่ และลงมือทำอย่างไม่ต้องลังเล เหมือนอย่างที่มหาวิทยาลัยฯ บอกอยู่เสมอเรื่องการทำตามความฝัน จากแคมเปญ Follow Your Dream เพราะแค่เราได้ลงมือทำสิ่งที่รัก ความสำเร็จก็เริ่มต้นที่จุดนั้น”
ด้าน นายกิตติเทพ โชติชูทิพย์ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในฐานะศิษย์ปัจจุบันจากสาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ เล่าว่า ส่วนตัวได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในการเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำให้ในขณะเดียวกัน จึงมีประสบการณ์ด้านการทำงานจริงและได้สัมผัสกับธุรกิจค้าปลีก ตามแบบที่ตั้งใจ จากการได้ฝึกงานควบคู่ไปกับการเรียน
แม้จะเป็นรูปแบบการเรียนที่หนัก แต่ก็คุ้มค่าในเรื่องของประสบการณ์ และทำให้เห็นถึงระบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยฯ ที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าเราจะสะดวกแบบไหน เช่น ทำงานไปพร้อม ๆ กับการเรียน ทางมหาวิทยาลัยฯ ก็ตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างดีโดยที่เราสามารถทำสองสิ่งได้พร้อม ๆ กัน
"อยากฝากถึงน้อง ๆ ในรุ่นต่อไปในการตัดสินใจเลือกเรียนตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ ตอบตัวเองให้ชัด หาสิ่งที่เราชอบให้เจอ แล้วศึกษาข้อมูลจากหลาย ๆ สถาบันถึงจุดเด่น จุดแข็ง เพราะแต่ละที่จะมีความโดดเด่นในแต่ละสาขาวิชาต่างกันออกไป เหมือนอย่างที่ผมเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพราะเรามองจากศักยภาพและเครือข่ายธุรกิจของมหาวิทยาลัยฯ ในเรื่องของหลักสูตรด้านการบริหารธุรกิจ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราอย่างแท้จริง แค่การเริ่มต้นที่ดีความสำเร็จจะเริ่มค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้น”
ปัจจุบัน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดสอนระดับปริญญาตรี ได้แก่ สาขาวิชาการตลาด, สาขาวิชาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ, สาขาวิชาการเงิน, สาขาวิชาการจัดการ, สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์, สาขาวิชาธุรกิจเกมส์และอีสปอร์ต, สาขาวิชาการประกอบการที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม, สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และมีโครงการพัฒนาหลักสูตรจากสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ สู่ สาขาวิชาธุรกิจดิจิทัลและนวัตกรรม และหลักสูตรปริญญาโท อีกหลากหลายหลักสูตร
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาต่อ สามารถติดตามสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับสมัครนักศึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อาคาร 24 ชั้น 2 โทร. 02-697-6767 ในเวลาทำการ 9.00-16.00 น. เว็บไซต์ คลิก Facebook page : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย UTCC หรือ LINE @UTCC