NIA ดันผู้ประกอบการจดสิทธิบัตรคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
"เอ็นไอเอ" เดินหน้าผลักดันผู้ประกอบการ เข้าถึงสิทธิบัตรคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ชี้ดีพเทค ซอฟต์พาวเวอร์ เศรษฐกิจใหม่จากการระบาดของโควิด สร้างนวัตกรรมไทยขายได้ด้วยลิขสิทธิ์ ลั่น! โอกาสที่ไทยต้องรีบคว้า
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) มีแนวทางสนับสนุนให้ธุรกิจนวัตกรรมเข้าถึงกระบวนการด้านสิทธิบัตรและทรัพย์สินถึงปัญญาไม่ว่าจะเป็นบริการคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา การอบรมผ่านช่องทางออนไลน์ กลไกการส่งเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรม เพิ่มเติมจากการสนับสนุนด้านการเงิน และค่าดำเนินการจดสิทธิบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง กล่าวว่า NIA เห็นความสำคัญของการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนวัตกรรมจดสิทธิบัตรคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ และป้องกันไม่ให้เกิดการลอกเลียนแบบเทคโนโลยี การวิจัย หรือสิ่งที่ค้นพบ
โดยเฉพาะผู้ประกอบการกลุ่มเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศ ซึ่ง NIA ตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพในกลุ่มดังกล่าวให้ได้จำนวน 100 ราย ภายในปี 2566
นอกจากนี้ NIA ยังส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัฒนธรรม 5 F ที่สอดรับกับซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ Food (อาหาร), Flim (ภาพยนตร์และวีดิทัศน์), Fashion (การออกแบบแฟชั่นไทย), Fighting (ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย) และ Festival (เทศกาลประเพณีไทย) ผ่านรูปแบบนวัตกรรมกลุ่ม MARTech ซึ่งได้แก่ M - Music (ดนตรี), A - Art (ศิลปะ) โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมดิจิทัล - วิถีชีวิตของคนไทย และ R - Recreation (สันทนาการ)
ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมและการละเล่นประจำถิ่น สำหรับนวัตกรรมด้านอาหารก็มีศักยภาพไม่แพ้กัน โดยได้สนับสนุนสตาร์ทอัพกว่า 30 รายใน 8 ประเทศเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับอาหารไทย เช่น เนื้อจากพืชวัตถุดิบไทย การพัฒนารสชาติอาหารใหม่ ฯลฯ
"วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ศิลปะ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดผลกระทบทางธุรกิจได้ค่อนข้างสูง ประเทศอย่างเกาหลี ก็ใช้ซอฟต์พาวเวอร์มาทำให้ธุรกิจเติบโต โดยแกนหลักจะเป็นเรื่องลิขสิทธิ์มากกว่าสิทธิบัตร เพราะเป็นเรื่องการคุ้มครองมรดกทางภูมิปัญญาและวัฒนธรรม การสร้างสรรค์กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานวรรณกรรม งานบรอดแคสต์ งานดนตรี ซอฟแวร์ และมัลติมีเดีย
ลิขสิทธิ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ประเทศไทยมีซอฟต์พาวเวอร์เยอะมาก เพียงแต่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำให้เกิดเป็นธุรกิจที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ และสามารถเติบโตได้ในตลาดต่างประเทศ ส่วนเรื่องของอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงซอฟต์พาวเวอร์อันนี้อาจจะมีสิทธิบัตร"
ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงการระบาดของโรคโควิด - 19 นับเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงทางวิถีชีวิต ทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสนับสนุนหลายด้าน ได้เห็นความสามารถของผู้พัฒนานวัตกรรมไทยที่มีโอกาสสร้างมูลค่าและผลักดันเข้าสู่กระบวนการจดสิทธิบัตร
ไม่ว่าจะเป็นด้านยา เช่น วัคซีน การรักษาโรค และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ด้านการเว้นระยะห่างทางสังคม เช่น ระบบเซ็นเซอร์ ระบบการประชุมออนไลน์ ด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ชและสังคมไร้เงินสด และด้านจักรวาลนฤมิต (Metaverse) ที่ผู้ประกอบการได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปทำสินทรัพย์ดิจิทัล ดิจิทัลอาร์ท หรือดิจิทัลคอนเทนต์ ทรัพย์สินทางปัญญาจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ โดยการคุ้มครองจะมีตั้งแต่เทคโนโลยีพื้นฐาน เทคโนโลยีที่มีการต่อยอด และธุรกิจที่มีการเกิดขึ้นใหม่
ทั้งนี้ เพื่อให้นวัตกรรมไทยเข้าถึงกระบวนการจดสิทธิบัตร และทรัพย์สินทางปัญญาได้เพิ่มมากขึ้น ในปี 2565 NIA จึงมีแนวทางที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงกระบวนการดังกล่าวผ่าน 4 แนวทาง ได้แก่
- หลักสูตรยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วยฐานคิดนวัตกรรม หรือ "SME to IBE" ซึ่งกำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่ 2 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2565
- หลักสูตรออนไลน์บนแพลตฟอร์ม moocs nia ในหัวข้อ "ทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับธุรกิจนวัตกรรม" และ "คู่มือปฏิบัติด้านทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับผู้ประกอบการนวัตกรรม" เมื่อเรียนครบและทำแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนด จะสามารถขอรับใบประกาศนียบัตรออนไลน์จาก NIA ได้
- กิจกรรมบริการด้านคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ได้แก่ กฎหมาย การเข้าถึงตลาด การลงทุน กลยุทธ์ตลาด และทรัพย์สินทางปัญญาประกอบด้วย ข้อกฎหมายที่ควรรู้สำหรับวิสาหกิจเริ่มต้นในการขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา จัดโดยศูนย์ Global Startup Hub สำหรับให้บริการสตาร์ทอัพทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผ่านรูปแบบออนไลน์
- การส่งเสริมความสามารถเชิงธุรกิจของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจนวัตกรรม ภายใต้ "กลไกการส่งเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรมเพิ่มเติมจากการสนับสนุนด้านการเงิน" (NIA X Alliance) ร่วมกับผู้ให้บริการ 7 สาขา ได้แก่ 1) การออกแบบผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์/โรงงานต้นแบบ 2) มาตรฐานอุตสาหกรรม 3) การเงินและบัญชี 4) การบริหารจัดการธุรกิจนวัตกรรม 5) กฎหมายธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา 6) การบริหารจัดการโลจิสติกส์ และ 7) การค้าระหว่างประเทศ
NIA ส่งเสริมให้นวัตกรเข้าถึงแหล่งทุนด้านการเงินผ่านกลไกที่เรียกว่า Mind Credit ด้วยการสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับสำนักงานกฎหมายที่เชี่ยวชาญด้าน IP ระดับแนวหน้าของประเทศ เพื่อให้ทนายความสิทธิบัตรที่เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยผู้ประกอบการนวัตกรรมที่ผ่านการพิจารณาของ NIA ดำเนินการจดสิทธิบัตร
โดยที่ NIA ให้ทุนสนับสนุนสูงสุด 1 ล้านบาท (ไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ) เพื่อดำเนินการจดสิทธิบัตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยทั้งการเพิ่มความน่าเชื่อถือของสินค้าหรือบริการ การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ตลอดจนเป็นเกราะป้องกันการถูกเลียนแบบจากบริษัทคู่แข่งอีกด้วย
ตัวอย่างบริษัทที่ได้รับการสนับสนุน เช่น โครงการโซ่ขับเฟืองล้อรถจักรยานยนต์ที่ขึ้นรูปด้วยวิธีการแบบใหม่สามารถลดชิ้นส่วนประกอบลงทำให้ส่งผลให้ลดการใช้วัสดุ โครงการเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยง เช่น วีลแชร์ ลู่วิ่งในน้ำ เครื่องสแกนใบหน้าแบบสามมิติโดยมีความแม่นยำสูงสามารถนำมาสร้างเป็นแบบจำลองของใบหน้าได้เสมือนจริง โครงการระบบการจัดการแปรรูปขยะอินทรีย์ที่อยู่ในชุมชนเพื่อลดปริมาณและค่าใช้จ่ายสำหรับนำขยะมูลฝอยที่ต้องนำไปกำจัด เป็นต้น