เอ็นไอเอปั้น “NIA METAVERSE” จักรวาลนฤมิตขับเคลื่อนเมือง

เอ็นไอเอปั้น “NIA METAVERSE” จักรวาลนฤมิตขับเคลื่อนเมือง

“NIA METAVERSE” คอมมูนิตี้จักรวาลนฤมิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดในไทย รุกนำเทรนด์ MICE Innovation ขับเคลื่อนไทยให้เป็นเมืองนวัตกรรม พร้อมชี้ปี 2024 เมตาเวิร์สโลกโตกว่า 8 แสนล้านดอลล่าร์

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ยกระดับจักรวาลนฤมิตหรือเมตาเวิร์ส (Metaverse) ในประเทศไทย ต่อยอดจากงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO หรือ SITE พร้อมผลักดัน “NIA Metaverse” แซนด์บอกซ์เทคโนโลยีโลกเสมือนที่สมบูรณ์แบบที่สุด รองรับเศรษฐกิจ กิจกรรมรูปแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น และพัฒนานวัตกรด้านโลกเสมือน

โดย NIA Metaverse มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น ฟีเจอร์รองรับการทำงานทั้งในรูปแบบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป และอุปกรณ์สื่อสาร มีฟังก์ชันรองรับการสร้างมูลค่า NFT ระบบพิสูจน์การมีตัวตนในโลกดิจิทัล คาดการณ์ว่าในปี 2024 เมตาเวิร์สจะมีมูลค่าที่โตถึง 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 13.1 ต่อปี

เอ็นไอเอปั้น “NIA METAVERSE” จักรวาลนฤมิตขับเคลื่อนเมือง

  • โลกเสมือนจริงขับเคลื่อนเมือง 

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า เทคโนโลยีในกลุ่ม “อารีเทค (ARI Tech)” เป็นหนึ่งในสาขาที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งประกอบด้วย A - Artificial Intelligence (เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์) R - Robotics (เทคโนโลยีหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ) และ I - Immersive (เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง) โดยทั้ง 3 เทคโนโลยีเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (IoT) ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้กับประเทศ 

ทั้งนี้ งาน SITE ที่ NIA จัดขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นของการสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยด้านเทคโนโลยีเสมือนจริง (Immersive) จนเกิดเป็นแพลตฟอร์ม “โลกนวัตกรรมเสมือนจริง (Virtual World)” หรือ “NIA Metaverse” เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงที่มีศักยภาพที่แรกของไทยขึ้นมา เพื่อเปิดประสบการณ์การใช้บริการในโลกเสมือนจริงภายใต้ระบบนิเวศน์ดิจิทัล 

และยังมีตัวกราฟิกบุคคลที่เรียกว่า “อวาตาร (Avatar)” ให้ประชาชนสามารถสร้างอวาตารเป็นของตนเอง และเข้าร่วมทำกิจกรรมในโลกเสมือนคู่ขนานไปกับโลกจริงได้อย่างกลมกลืน พร้อมสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพชาวไทยและต่างชาติที่อยู่ในแวดวงเทคโนโลยีจากทั่วโลกได้มาพบปะ เรียนรู้ และพัฒนาให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นเมืองนวัตกรรมที่ดี

อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ทดสอบ (Sandbox) ในการสร้างแบบจำลอง ทดลอง ในหลากหลายวงการ เช่น อีเว้นต์ ศิลปวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการเชื่อมต่อเมือง ช่วยตอบโจทย์ความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมทางสังคม - เศรษฐกิจ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่ตื่นตัวและก้าวสู่โลก Metaverse เช่นกัน

ลำ LIGHT ให้ FEEL

โดยหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ การสร้างประสบการณ์และการรับรู้ด้วยแสงของคุ้มเจ้าบุรีรัตน์ ในงาน “ลำ LIGHT ให้ FEEL” ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นการทำเทคโนโลยีด้าน Immersive มาผสมผสานกันอย่างลงตัวกับสถาปัตยกรรมล้านนาดังเดิม เกิดเป็นงานอีเว้นต์ที่น่าสนใจ ดึงดูดให้ผู้คนมาเยี่ยมชม

นอกจากนี้ NIA ยังได้ทำความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพในด้านนวัตกรรมอย่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่จะทำความร่วมมือส่งเสริมหลักสูตรเกี่ยวกับครีเอทีฟอินโนเวชั่น เพื่อปั้นเด็กไทยที่มีความสามารถ มีความสนใจรูปแบบนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ให้ต่อยอดในด้านเมตาเวิร์สให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นในอนาคต

 

  • จุดเด่นของ NIA Metaverse
  1. เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นจากผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA ตั้งแต่ไอเดียในมหาวิทยาลัยสู่การใช้จริงในเชิงพาณิชย์ จึงทำให้รู้แนวทางการนำไปใช้ รวมถึงตลาดที่สามารถต่อยอดได้จริง และมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน 
  2. สามารถสร้างบรรยากาศที่สมจริงผ่านเทคนิค 2D และ 3D ทั้งลูกเล่นอวตาร สถานที่ ความคมชัดขององค์ประกอบด้านพื้นที่ 
  3. มีฟีเจอร์รองรับการเข้าสู่โลกเมตาเวิร์สทั้งในรูปแบบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป และอุปกรณ์สื่อสาร 
  4. รองรับระบบการใช้งานผ่าน web 2.0/3.0 
  5. มีฟังก์ชันรองรับการสร้างมูลค่า NFT หากภายในกิจกรรมมีการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ และสามารถซื้อขายได้ 
  6. รองรับการถ่ายทอดสด (live streaming) ของงานประชุมหรือสัมมนา 
  7. อำนวยความสะดวกการใช้งาน Active avatar สำหรับงานประเภทไมซ์ ซึ่งจะทำให้อีกตัวตนของแต่ละบุคคลในโลกเสมือนมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 
  8. มีระบบการพิสูจน์การมีตัวตนในโลกดิจิทัล

ขณะนี้ NIA กำลังพัฒนาการใช้งานด้านการสร้างสรรค์ตัวอวาตาร โดยจะเพิ่มฟังก์ชันด้านเครื่องแต่งกาย รูปร่าง สี บุคลิกภาพ ตลอดจนเป็นลักษณะสัตว์แฟนตาซีต่าง ๆ เพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการที่หลายรูปแบบของผู้ใช้งาน

 

เอ็นไอเอปั้น “NIA METAVERSE” จักรวาลนฤมิตขับเคลื่อนเมือง

  • โลกเมตาเวิร์สสำคัญอย่างไร ทำไมไทยต้องเข้าสู่เมตาเวิร์ส? 

ผู้อำนวยการ NIA อธิบายว่า เมตาเวิร์สมีความสำคัญในหลานด้าน ยกตัวอย่างเช่น แง่ของธุรกิจที่เกี่ยวกับ NFT หรือใช้สินทรัพย์ดิจิทัล (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกำหนดการของธนาคารแห่งประเทศไทย) แง่ของภาครัฐที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับประชาชน

แง่ของยุคหลังโรคระบาดหรือกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถพบเจอโลกแห่งความเป็นจริงได้ ก็สามารถใช้ตัวอวาตารเข้ามาในโลกเสมือนจริงเพื่อพบปะกับคนอื่น ๆ แง่ของการลดคาร์บอนเครดิตการขนส่ง สำหรับบุคคลที่ไม่อยากออกมาข้างนอก แง่ของการใช้ระบบกลางเมตาเวิร์สทำงานสำหรับหน่วยงานที่มีบุคลากรน้อย เป็นต้น

ในปี 2565 NIA มีแผนส่งเสริมเมตาเวิร์สให้มีการเติบโต ดังนี้ 

  • การทำให้เป็นแซนด์บ็อกซ์สำหรับรองรับงานอีเว้นท์ของภาครัฐและเอกชน ตามอุปสงค์ของคนทั่วโลกที่กำลังใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการทำงาน การเรียนรู้ หรือเข้าถึงความบันเทิงในโลกเมตาเวิร์ส 
  • การใช้เป็นพื้นที่สำหรับศิลปินและที่ชื่นชอบผลงานศิลปะยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย NFT รวมถึงการนำร่องผลักดันการท่องเที่ยวหรือจัดกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้คนทั่วโลกเข้าถึงเมืองไทยได้อย่าง ไร้รอยต่อ และทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองต้นแบบการจัดกิจกรรมโลกเสมือนผ่าน NIA Metaverse 
  • การพัฒนาโปรแกรม Deeptech university Accelerator: ARITECH เพื่อเร่งให้เกิดผู้ประกอบการในสาขา ARITech โดยอาศัยองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยที่มีงานวิจัยเชิงลึกและมีโอกาสในการสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดตั้งบริษัท และการลงทุนจากทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยมีทีมที่สมัครเข้ามามากกว่า 50 ทีมแล้วจาก 12 มหาวิทยาลัยเครือข่าย ซึ่งนับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของการผลักดันและส่งเสริมให้งานวิจัยระดับดีพเทคจากมหาวิทยาลัยสู่เชิงพาณิชย์และตลาดทุนให้มากขึ้นกว่าเดิม

การพัฒนาเมืองนวัตกรรมจักรวาลนฤมิตร ไม่ใช่ภาพที่ไกลตัวสำหรับประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความพร้อมทั้งในเชิงนโยบายสนับสนุนจากรัฐและเอกชน จำนวนผู้ใช้ ความหลากหลายของการจัดกิจกรรม โครงข่ายอินเทอร์เน็ต รวมถึงกลุ่มนวัตกรที่มีความสามารถที่พร้อมจะร่วมขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าจักรวาลนฤมิตจะเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญอย่างมาก 

จากรายงานของ Bloomberg ได้ประเมินไว้ว่าจะสามารถโตได้ถึง 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2024 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 13.1 ต่อปี และอาจจะเติบโตขึ้นไปได้อีก รวมถึงยังเป็นที่น่าสนใจในกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มระบบสื่อสาร หรือที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล กลุ่มซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์มออนไลน์และกลุ่มสินค้าและบริการรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สวมใส่ หรือสื่อบันเทิงออนไลน์ประเภทต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของเมตาเวิร์สได้จุดกระแสการตื่นตัวทางเทคโนโลยี ที่อาจสร้างผลกระทบที่ตามมาได้อย่างมาก