‘ไมโครซอฟท์’ ตีโจทย์ดิจิทัล หนุนไทยปฏิรูปธุรกิจ ก้าวสู่ 'Born in Thailand’

‘ไมโครซอฟท์’ ตีโจทย์ดิจิทัล หนุนไทยปฏิรูปธุรกิจ ก้าวสู่ 'Born in Thailand’

วางเป้าหมายในการ “สร้างคน สู่อนาคต เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่า” ภายใต้โจทย์ใหญ่ ทำอย่างไรให้ประเทศไทยก้าวจาก “Made in Thailand” ไปสู่ “Born in Thailand”

เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในการเชื่อมโยงโลกปัจจุบันเข้ากับอนาคต ประกอบด้วย เมตาเวิร์ส,เอไอ, ควอนตัมคอมพิวติ้ง รวมถึงการทำงานแบบไฮบริด

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าว พร้อมเปิดมุมมองว่า ถึงแม้เทคโนโลยีทั้ง 4 นี้จะมีความโดดเด่นในตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ทิศทางการพัฒนาที่น่าสนใจที่สุดจะมาจากการผสมผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อนำไปปรับใช้กับปัญหาจริง

เช่น การจับคู่เมตาเวิร์สกับการทำงานแบบไฮบริด หรือ เอไอ กับควอนตัม การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคตเหล่านี้ทำให้ต้องย้อนกลับมาตั้งคำถามว่า “ทศวรรษหน้า ประเทศไทยจะต้องเดินต่อไปทางไหน?”

ก้าวสู่ 'Born in Thailand’

ผลสำรวจ World Digital Competitiveness Ranking ของสถาบัน IMD จากสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อช่วงปลายปี 2564 ระบุว่า ไทยถูกจัดอยู่ในลำดับ 38 จากทั่วโลกซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างหลายจุดที่ยังต้องเติมเต็ม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านทักษะเชิงดิจิทัล การจ้างงานในสายงานเชิงวิทยาศาสตร์และเทคนิค และ การจดสิทธิบัตรด้านนวัตกรรม ทั้งหมดนี้นำไปสู่โจทย์ใหญ่ที่ว่า ทำอย่างไรให้ประเทศไทย ก้าวจาก “Made in Thailand” ไปสู่ “Born in Thailand”

ดังนั้นพันธกิจของไมโครซอฟท์ วางเป้าหมายในการ “สร้างคน สู่อนาคต เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่า” (Empowering Thailand’s Futuremakers) เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคต่อไปได้อย่างมั่นคง เสริมจุดแข็งในฐานะผู้ผลิต ต่อยอดสู่ความเป็นผู้คิดค้น

โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นภารกิจใน 3 ด้านหลักๆ ได้แก่ สร้างคน : ทักษะเชิงดิจิทัล และการเรียนรู้ในทุกระดับ สู่อนาคต : เทคโนโลยีที่เสริมศักยภาพในการคิดและสร้างสิ่งใหม่ๆ อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่า : ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อนำทั้งทักษะและเทคโนโลยีมาสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้จริง

นอกจากนี้ หลายปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์และวงการเทคโนโลยีในภาพใหญ่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนให้ “คลาวด์” กลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานใหม่ในการทำธุรกิจทั่วโลก

สานต่อความร่วมมือทุกมิติ

สำหรับการ สร้างคน ไมโครซอฟท์ยังคงเดินหน้าเสริมทักษะเชิงดิจิทัลให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสร้างทักษะให้คนไทย 10 ล้านคน ภายในปี 2024

ด้านเทคโนโลยีสู่อนาคต นำเสนอเทคโนโลยีในหลากหลายด้านที่ตอบสนองความต้องการด้านนวัตกรรมของธุรกิจในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น การปรับ Hybrid Work ให้เวิร์ก (Making Hybrid Work work) สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ทุกคน ทุกหนแห่ง (Innovate anywhere) กับนวัตกรรมจำนวนมากบนคลาวด์

พร้อมกันนี้ ด้านความปลอดภัย (Secure your future) ยังคงพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เท่าทันภัยร้ายในโลกดิจิทัล และรักษาไว้ซึ่งแนวคิด Zero Trust

ส่วนความร่วมมือกับหลากหลายภาคส่วนเพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีกว่า ขณะนี้มีทั้งกับ เอไอเอส, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), ปตท., ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, เอสซีจี, บ้านปู เน็กซ์, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ท้าทาย ‘ดิจิทัล ดิสรัปชัน’

นอกจากตัวอย่างความร่วมมือข้างต้นแล้ว ไมโครซอฟท์ยังได้นำโซลูชัน “Cloud for Sustainability” มาเริ่มปรับใช้กับหลายองค์กรในประเทศไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) ภายในปี 2593 และก้าวสู่สถานะ “Net Zero” เต็มตัวในปี 2608

จากความร่วมมือที่มีความชัดเจนกับพันธมิตรต่างๆ ในไทยวันนี้ คาดว่าภาพของ “Born in Thailand” จะสามารถเห็นได้ในอนาคตอันใกล้ ด้านไมโครซอฟท์ไทยเองได้เพิ่มบุคลากรกว่า 20-30% หลักๆ เน้นด้านการสร้างความสำเร็จให้ลูกค้า

สำหรับภาพรวมการลงทุนไอทีในประเทศไทย ขณะนี้พบว่าทุกอุตสากรรมยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ที่แอคทีฟอย่างมากคือ ธุรกิจธนาคาร ประเมินขณะนี้นับว่าธนาคารไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากในระดับภูมิภาค

ที่น่าจับตามองคือ ความท้าทายในการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการยกระดับการบริหารจัดการ การลดต้นทุน รองรับภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป และปูทางด้านสร้างความยั่งยืน ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ แตกต่างไปตามกลยุทธ์ของธุรกิจนั้นๆ