“เอ็นที”ทุ่มหมื่นล.คืนชีพมือถือ"5จี"ผนึกเอไอเอสทำตลาดบนคลื่น 700
เอ็นทีคิกออฟมือถือ 5จีคลื่น 700 สิ้นปีนี้ ระบุส่งสัญญาร่วมพันธมิตรอย่างเอไอเอสให้สศช.รับทราบ ก่อนชงเข้าครม.อนุมัติ เชื่อองค์กรมีศักยภาพเพียงพอเดินหน้าได้แน่นอน วางงบทำตลาดโทรศัพท์มือถือไว้ที่ 10,000 ล้านบาท
พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที กล่าวภายหลังรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนแรกของเอ็นทีว่ามีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนองค์กรแห่งนี้ให้มีความเข้มแข็งเพื่อให้สามารถนำศักยภาพและความพร้อมของโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมที่ครอบคลุมและหลากหลาย รวมทั้งบุคลากรขององค์กรที่มีอยู่ทั่วประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยในปีนี้เอ็นทีมองว่าจะมีผลประกอบการน่าจะพลิกกลับมีกำไรได้ราว 3,600 ล้านบาท โดยจนถึงเดือนมิ.ย.เอ็นทีมีรายได้รวม 49,557.65 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท คิดเป็น 47.78% เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มธุรกิจโทรศัพท์ประจำที่และบรอดแบนด์ แต่ผลประกอบการเอ็นทีก็ยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วยโดยเฉพาะการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 1,800 คน โดยหากเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้จะต้องใช้เงิน 3,700 ล้านบาท
“ปัจจุบันเรามีพนักงานทั้งหมดหลังจากควบรวมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มาเป็นเอ็นทีราว 18,000 คน แต่เรามีแผนจะลดคนให้เหลือ 14,800 คนภายใน 3 ปี ซึ่งแม้ว่าเอ็นทีจะควบรวมมาแล้วกว่า 1 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยอมรับว่างานหลายอย่างยังไม่เดินหน้าด้วยหลายๆปัจจัย”
เขา กล่าวว่า โครงการ 5จี เอ็นทีมีคลื่นความถี่ที่ได้รับจากการประมูลใน 2 ย่านความถี่ โดยคลื่นความถี่ 26 กิกะเฮิรตซ์ซึ่งเป็นคลื่นในย่านความสูง เอ็นทีเน้นลงทุนให้บริการสำหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่เฉพาะกลุ่มเพื่อความคุ้มค่า โดยในปีนี้มุ่งเน้นการพัฒนาและเปิดให้บริการร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (EEC) และสนับสนุนการพัฒนาสู่ Smart City ซึ่งได้เริ่มเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์แล้ว
ส่วนความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ได้ดำเนินการใน 2 รูปแบบ ได้แก่ การดำเนินการเองสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ใช้บริการพื้นฐานทั่วไป ไม่ต้องการแบนด์วิดท์สูง และการให้พันธมิตรร่วมให้บริการ 5จี ในรูปแบบเน็ตเวิร์ก แชร์ริ่งโดยขณะนี้ได้ส่งสัญญาที่ทำธุรกิจร่วมเป็นพันธมิตรกับบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส)ไปให้สำนักคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หลังจากนั้นจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญากับเอไอเอสได้ภายในธ.ค.นี้ และน่าจะเริ่มเห็นการทำตลาดอย่างเป็นรูปธรรมในก.พ.และมี.ค. 2566
ทั้งนี้ เอ็นทีตั้งกรอบงบประมาณสำหรับธุรกิจโมบายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของเอ็นที่มีโครงข่ายเป็นของตัวเองมาเสา สถานีฐานมากกว่า 25,000 ต้น จะมีความครอบคลุมไม่แพ้เอกชนแน่นอน
สำหรับการควบรวมธุรกิจบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทคยอมรับว่ากระทบต่อธุรกิจของเอ็นทีแต่ด้วยจำนวนส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีแค่ 2% จึงไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมาก แต่ในประเด็นการควบรวมของธุรกิจบรอดแบนด์ระหว่างเอไอเอสกับ 3บีบี จะกระทบต่อธุรกิจเอ็นทีมากกว่า เพราะเอ็นทีมีส่วนแบ่งรายได้อยู่ในธุรกิจบรอดแบนด์ถึง 20% มีลูกค้าถึง 1.2 ล้านราย ซึ่งขณะนี้ ยอมรับว่าธุรกิจบรอดแบนด์เข้าขั้นวิกฤติแล้วมีลูกค้าไหลออกทุกเดือน การลงทุนไม่ได้ผลตอบแทนคืนมาเลย
สำหรับโครงการและการดำเนินงานสำคัญที่เร่งดำเนินการตามภารกิจที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายในขณะนี้ อาทิ การจัดระเบียบสายสื่อสารในปี 2565 นี้ได้เริ่มดำเนินการในกลุ่มเร่งด่วนพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานครตามแนวถนนสายหลัก ก่อนขยายสู่พื้นที่รอบนอกต่อไป โดยหากพื้นที่ใดยังไม่สามารถนำสายลงใต้ดินได้ จะดำเนินโครงการจัดระเบียบสายด้วยการตัดสายเก่าทิ้งและเดินสายสื่อสารใหม่