Apple ปล่อยฟีเจอร์ ‘State Of Mind’ ช่วยคัดกรอง ‘ซึมเศร้า’ เช็กจุดเด่นต้องรู้
แอปพลิเคชัน Health ของ “Apple” ช่วยให้ผู้ใช้ดูแลสุขภาพกายได้สะดวกขึ้น ล่าสุด..มีการพัฒนา ฟีเจอร์ “State Of Mind” เพิ่มเติมขึ้นมาในแอปฯ ดังกล่าว เพื่อช่วยดูแล “สุขภาพจิต” อย่างมีประสิทธิภาพ
Key Pionts:
- “State Of Mind” ฟีเจอร์ใหม่ของแอปพลิเคชัน Health จาก “Apple” ตัวช่วยดูแลสุขภาพจิตและประมวลภาวะอารมณ์ของผู้ใช้งาน
- จุดเด่นของ State Of Mind ก็คือ การช่วยคัดกรอง “ภาวะซึมเศร้า” และ “ภาวะวิตกกังวล” ได้ 24 ชั่วโมง
- ฟีเจอร์ State Of Mind ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และคำปรึกษาเบื้องต้นของปัญหา “สุขภาพจิต” ได้อีกด้วย
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในหมู่ผู้ใช้สินค้าแบรนด์ “Apple” ไม่ว่าจะเป็น “iPhone” “iPad” และ “Apple Watch” โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ดูแลสุขภาพผ่านแอปพลิเคชัน Health แอปฯ พื้นฐานของ Apple ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานจัดระเบียบข้อมูลสุขภาพส่วนตัวรวมไว้ในที่เดียว เช่น บันทึกสุขภาพ การรับประทานยา การเคลื่อนไหวร่างกาย การนอนหลับ ไปจนถึง “สุขภาพจิต”
จุดเด่นของแอปพลิเคชัน Health คือ สามารถเรียนรู้ระบบที่อยู่บนอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ เพื่อแสดงข้อมูลสำคัญให้ผู้ใช้สามารถติดตามกิจกรรมด้านสุขภาพของตัวเองได้ตลอดเวลา เช่น จำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน หรือสัญญาณชีพ นอกจากนี้หากพบว่าสัญญาณชีพมีความผิดปกติแอปพลิเคชันก็สามารถแจ้งเตือนไปยังบุคคลรอบข้าง ที่เจ้าของเครื่องตั้งค่าให้เชื่อมข้อมูลถึงพวกเขาได้ทันที
นอกจากเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายผ่านแอปพลิเคชัน Health และการติดตามการออกกำลังด้วย Apple Watch แล้ว ปัจจุบัน Apple ก็ได้พัฒนาฟีเจอร์ “State of Mind” ขึ้นมาเพื่อประมวลอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้ รวมถึงคัดกรองภาวะซึมเศร้า (PHQ-9) และภาวะวิตกกังวล (GAD-7) ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย
- “State of Mind” ประเมินสุขภาพอย่างครบถ้วนทั้งร่างกายและจิตใจ
จุดประสงค์หลักของฟีเจอร์ “State of Mind” ก็คือ ให้ผู้ใช้ได้มองเห็นภาพรวมของสุขภาพกายและสุขภาพใจในแต่ละวันได้อย่างครบถ้วนด้วยข้อมูลเชิงลึก เพื่อรู้ทันและจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ นอกจากนี้ยังเข้าถึงข้อมูลและบทความสุขภาพต่างๆ เกี่ยวกับการรับมือภาวะวิกฤติ
ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนถึงสภาวะทางอารมณ์แบบเรียลไทม์ ก็จะช่วยให้พวกเขาสามารถปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้ทันท่วงที หรืออย่างน้อยก็สามารถรับคำแนะนำด้านสุขภาพได้ผ่านอุปกรณ์ของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น การประมวล “ความวิตกกังวล” ที่พุ่งสูงขึ้นโดยวัดจากอัตราการเต้นของหัวใจ และจะมีการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสภาวะทางอารมณ์จะกลับเข้าสู่โหมดปกติ
State of Mind คือการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับสุขภาพจิต ซึ่งอาจเรียกได้ว่า Apple กำลังสร้างแบบอย่างที่สำคัญของเทคโนโลยีด้านสุขภาพสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในท้องตลาด ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อไปในอนาคต
- กระบวนการทำงานของ State of Mind พิเศษอย่างไร?
เทคโนโลยีหรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นจุดเด่นของฟีเจอร์ State of Mind ที่ Apple มองว่าจะทำให้เกิดขึ้นได้จริง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 หัวข้อหลักที่นักจิตวิทยาได้อธิบายไว้ใน Forbes ดังนี้
1. เข้าถึงและติดตามสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง
สุขภาพจิตถือเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังแพร่ระบาดไปในสังคมอย่างรวดเร็วและยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานของ National Alliance on Mental Illness ในปี 2021 พบว่า ผู้ใหญ่ 1 ใน 5 ของสหรัฐมีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่า ฟีเจอร์ State of Mind จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
จุดเด่นของฟีเจอร์ดังกล่าวทำให้ผู้ใช้เข้าถึงการคัดกรองภาวะซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวลได้อย่างทั่วถึง และนำเสนอผลลัพธ์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้ใช้แต่ละคนเข้าใจสุขภาพจิตของตัวเองมากขึ้น และสามารถเข้าถึงคำแนะนำและได้รับคำปรึกษาอย่างตรงจุด
การพยายามเข้าใจและคำนึงถึงอารมณ์ของตัวเอง สามารถช่วยให้แต่ละคนจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในแต่ละช่วงชีวิตได้ดีขึ้น จากข้อมูลของวารสาร Journal of Depression and Anxiety ที่ตีพิมพ์ในปี 2021 อธิบายผลการศึกษาว่า ประสบการณ์เชิงบวกสามารถยับยั้งอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี
แอปพลิเคชันจะบันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติอย่างครบถ้วน เพื่อช่วยจัดเก็บความทรงจำต่างๆ เอาไว้ และนำไปใช้ในการแนะนำการจัดการกับความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
2. ช่วยเพิ่มความตระหนักรู้และการเติบโตของผู้ใช้
เนื่องจากผู้ใช้จะบันทึกสถานะทางอารมณ์และตัวกระตุ้นที่เกี่ยวกับสภาพจิตใจอยู่เป็นประจำ (โดยอัตโนมัติ) ทำให้แอปพลิเคชันทำความเข้าใจกับรูปแบบและการตอบสนองของอารมณ์ของผู้ใช้ ทำให้สามารถวิเคราะห์ช่วงเวลาที่เกิดความเครียดหรือความสุขได้ และทำให้ผู้ใช้สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดผลเสียกับจิตใจ โดยพึ่งพาประสบการณ์เชิงบวกที่เคยผ่านมา
จากการศึกษาชิ้นหนึ่งในวารสาร Frontiers in Psychology ที่ตีพิมพ์ในปี 2022 อธิบายว่า การตระหนักรู้ในตัวเองให้มากขึ้น สามารถเป็นตัวเร่งที่ก่อให้ความเข้มแข็งทางอารมณ์ของผู้ใช้แต่ละคนได้ โดยการเผชิญหน้าและทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวเองเพื่อสร้างความยืดหยุ่นทางจิตใจ ความฉลาดทางอารมณ์ และความเป็นอยู่โดยรวมที่ดีขึ้น และที่สำคัญสามารถช่วยให้ผู้ใช้จัดการและพัฒนาสุขภาพทางอารมณ์และการตอบสนองต่อความเครียดได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่า ฟีเจอร์ “State of Mind” จาก “Apple” จะมีประโยชน์และใช้งานง่าย แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตได้ เพราะการตีความหรือวิเคราะห์ผลลัพธ์เกี่ยวกับสุขภาพจิตด้วยตัวเอง อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ ดังนั้น หากมีข้อสงสัยหรือข้อกังวลด้านสุขภาพจิต แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจาก “จิตแพทย์” จริงๆ ย่อมได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่าแน่นอน