'AMD' ส่งชิป AI ใหม่ ต้นทุนถูกกว่า ชิงลูกค้ารายใหญ่จาก 'Nvidia'

'AMD' ส่งชิป AI ใหม่ ต้นทุนถูกกว่า ชิงลูกค้ารายใหญ่จาก 'Nvidia'

“AMD” เขย่าบัลลังก์ “Nvidia” ส่งชิป AI รุ่นใหม่ที่ต้นทุนถูกกว่า หวังชิงลูกค้ารายใหญ่อย่าง “เมตา” และ “ไมโครซอฟท์” จากผู้ผลิต GPU ยักษ์ใหญ่ ท่ามกลางการแข่งขันเดือดในตลาดชิปโลกมูลค่ากว่า 14 ล้านล้านบาท

Keypoints:

  • เมตา, โอเพนเอไอ และไมโครซอฟท์ เผย จะใช้ชิป AI รุ่นใหม่ล่าสุดของ AMD อย่าง “MI300X” ส่งสัญญาณว่าบริษัทเทคต้องการตัวเลือกอื่นนอกเหนือจาก Nvidia ที่มีราคาแพง
  • หากชิป MI300X ประสิทธิภาพดีพอและไม่แพงเกินไปเมื่อเริ่มส่งมอบช่วงต้นปีหน้า อาจทำให้ต้นทุนในการพัฒนาโมเดล AI ลดลง
  • ซีอีโอ AMD คาด ตลาดชิป AI ทั่วโลกจะมีมูลค่าแตะ 4 แสนล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้นภายในปี 2570 และคาดหวังให้ AMD มีส่วนแบ่งก้อนโตในตลาดนี้

บริษัทเมตา (Meta), โอเพนเอไอ (OpenAI) และไมโครซอฟท์ (Microsoft) ซึ่งถือเป็น 3 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยในงานพบปะนักลงทุนของเอเอ็มดี (AMD) เมื่อวันพุธ (6 ธ.ค.) ว่า บริษัทจะใช้ “MI300X” ซึ่งเป็นชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นล่าสุดของเอเอ็มดี นับเป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญที่สุดว่า บรรดาบริษัทเทคโนโลยีกำลังเฟ้นหาตัวเลือกอื่นมาใช้ทดแทนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นชิปที่จำเป็นในการสร้างโปรแกรม AI เช่น แชตจีพีที (ChatGPT) ของโอเพนเอไอ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หากชิประดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุดของเอเอ็มดีมีคุณสมบัติดีพอสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ในการสร้างและให้บริการโมเดล AI ก็จะช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาโมเดล AI และสร้างแรงกดดันต่อยอดขายชิป AI ของอินวิเดีย ซึ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเอเอ็มดีจะเริ่มส่งมอบชิปดังกล่าวตั้งแต่ต้นปีหน้า

\'AMD\' ส่งชิป AI ใหม่ ต้นทุนถูกกว่า ชิงลูกค้ารายใหญ่จาก \'Nvidia\'
- MI300X ชิป AI รุ่นล่าสุดของเอเอ็มดี (เครดิตภาพ: AMD) -

เอเอ็มดี ระบุว่า MI300X เป็นงานสถาปัตยกรรมใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างชัดเจน โดยคุณสมบัติโดดเด่นที่สุดคือมาพร้อมกับความจุ 192 กิกะไบต์ ความจำประเภทประสิทธิภาพสูงชื่อ “HBM3” ซึ่งถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น และสามารถใช้กับโมเดล AI ขนาดใหญ่ขึ้น

\'AMD\' ส่งชิป AI ใหม่ ต้นทุนถูกกว่า ชิงลูกค้ารายใหญ่จาก \'Nvidia\'
- ลิซา ซู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทเอเอ็มดี (เครดิตภาพ: AFP) -

ลิซา ซู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เอเอ็มดีเปรียบเทียบ “MI300X” และระบบที่มาพร้อมชิปดังกล่าวกับ “H100” ซึ่งเป็นชิป AI หลักของอินวิเดีย

“ชิปรุ่น MI300X จะช่วยให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น เมื่อคุณถามคำถามกับโมเดล AI คุณจะได้รับคำตอบเร็วขึ้น โดยเฉพาะคำตอบที่มีความซับซ้อน” ซูกล่าว

  • “เอเอ็มดี” ยังต้องพยายามหนักต่อไป

อย่างไรก็ตาม เอเอ็มดียังเผชิญกับคำถามสำคัญว่า กลุ่มบริษัทที่พึ่งพาอินวิเดียมาโดยตลอด จะยอมลงทุนเวลาและเม็ดเงินเพื่อเพิ่มซัพพลายเออร์ GPU อีกรายหรือไม่ ซึ่งซีอีโอเอเอ็มดียอมรับว่า เรื่องนี้ “ต้องอาศัยความพยายามอย่างหนัก”

ขณะที่เรื่องราคาจะยังเป็นตัวแปรสำคัญ ถึงแม้เอเอ็มดีไม่ได้เปิดเผยราคาชิป MI300X แต่ราคาชิปของคู่แข่งอย่างอินวิเดียอาจสูงถึงประมาณ 40,000 ดอลลาร์ (ราว 1.4 ล้านบาท) ต่อ 1 ชิ้น

ซูเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ชิปของเอเอ็มดีจะมีต้นทุนในการซื้อและดำเนินการน้อยกว่าของอินวิเดีย เพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้ายอมควักเงินซื้อ

  • ว่าที่ลูกค้า MI300X มองอย่างไร?

เอเอ็มดีระบุว่า บริษัทได้เซ็นสัญญากับบริษัทบางรายในกลุ่มที่มีความต้องการ GPU สำหรับใช้กับชิปมากที่สุดไปแล้ว โดยรายงานล่าสุดจากบริษัทวิจัย “Omidia” ชี้ว่า บริษัทเมตาและไมโครซอฟท์เป็น 2 ผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดสำหรับชิปรุ่น H100 ของอินวิเดียในปี 2566

ด้านเมตาเปิดเผยว่า บริษัทจะใช้ชิป MI300X สำหรับภาระงานเกี่ยวกับการอนุมาน AI เช่น การประมวลผลสติกเกอร์ AI, การตัดต่อภาพ และการทำงานของระบบผู้ช่วย

ในฟากไมโครซอฟท์ เควิน สกอตต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) กล่าวว่า บริษัทจะเสนอสิทธิ์การเข้าถึงชิปMI300X ให้ผู้ใช้งาน ผ่านบริการเว็บ “Azure” (อาซัวร์) ของตัวเอง

นอกจาก 2 บริษัทดังกล่าวแล้ว ธุรกิจคลาวด์ของ “ออราเคิล” (Oracle) บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ข้ามชาติของสหรัฐ ก็เตรียมหันมาใช้ชิปรุ่นใหม่ของเอเอ็มดีเช่นกัน

  • ศึกชิงเค้กตลาดชิป AI ระอุ

จนถึงขณะนี้ เอเอ็มดียังไม่ได้คาดการณ์ยอดขายชิปในภาพรวม หลังจากเคยประมาณการรายได้ธุรกิจ GPU ศูนย์ข้อมูลทั้งหมดไว้ที่ราว 2,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2567

ขณะที่อินวิเดียรายงานว่ามียอดขายในธุรกิจศูนย์ข้อมูลอยู่ที่กว่า 14,000 ล้านดอลลาร์เฉพาะในไตรมาสหลังสุด ถึงแม้ตัวเลขดังกล่าวจะนับรวมชิปมากกว่า GPU ก็ตาม

เอเอ็มดีประเมินว่า มูลค่าตลาดสำหรับ GPU ด้าน AI ทั่วโลก จะทะยานแตะ 4 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 14 ล้านล้านบาท) ในช่วง 4 ปีข้างหน้า สูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ก่อนหน้านี้ถึง 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม ซู ซีอีโอของเอเอ็มดียอมรับว่า บริษัทไม่หวังสูงถึงขนาดต้องเอาชนะอินวิเดียให้ได้เพื่อครองตลาดนี้

“มันชัดเจนที่จะพูดว่าอินวิเดียต้องเป็นเจ้าตลาดชิป AI ในเวลานี้ เราเชื่อว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็น 4 แสนล้านดอลลาร์ขึ้นไปในปี 2570 และเราก็น่าจะชิงส่วนแบ่งมาได้พอสมควร”

อ้างอิง: CNBC