อิเล็กฯชี้แนวโน้มปีนี้สดใสต่อเนื่อง
สมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์ ชี้ส่งออกอิเล็กฯ ปี 2561 ส่งสัญญาณโตบวก คาดโอกาสขยายตัวได้ 6% รับปัจจัยบวกการเมืองสงบ นโยบายรัฐเอื้อการลงทุน การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลหนุนการบริโภคโดยรวม
นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ นายกสมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยปี 2561 ตัวเลขยังคงเป็นบวก คาดว่าจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 3-6% ต่อเนื่องจากปี 2560 ที่เติบโตราว 8-9%
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญมาจากการที่เทคโนโลยีกลายเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ในทิศทางเดียวกันส่งผลให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการบริโภคชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปได้ ทั้งแนวโน้มมีความเป็นไปได้ว่านักลงทุนจะย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ กลุ่มสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องไปกับนโยบายส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ รวมถึงการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
นอกจากนี้ บ้านเมืองที่สงบ การเมืองที่มีเสถียรภาพส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมเหมาะแก่การทำธุรกิจ ไม่เกิดการตั้งคำถาม อีกด้านนับว่าไทยผ่านเหตุการณ์วิกฤติมาได้หลายครั้งและไม่ได้มีผลกระทบอะไรที่รุนแรง ดังนั้นจึงถูกมองว่าเป็นประเทศที่คาดเดาอนาคตได้ง่าย
"ผมได้เห็นสัญญาณที่เป็นบวกมาตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว พอครึ่งปีหลังยิ่งเห็นว่าเติบโตได้ดีมากขึ้น ผมเชื่อด้วยว่าด้วยบรรยากาศที่เป็นอยู่ขณะนี้จะส่งผลให้ตลาดเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้โดยทั่วไปบรรยากาศการบริโภคฝั่งคอนซูเมอร์อาจไม่แน่นอน แต่ส่วนของอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่และตลาดหลักเป็นการส่งออกไปทั่วโลกจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ"
ส่วนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก แต่แม้มีผลกระทบก็คงไม่นาน เนื่องจากโลกธุรกิจยังต้องขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี จำเป็นต้องนำไปใช้เพื่อการพัฒนาสู่ยุค 4.0
ในมุมผู้ผลิต ต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลา คำนึงถึงประเด็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทุกวัน ขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร คำนึงถึงความสุขของคนในองค์กร เพิ่มความเชี่ยวชาญ รวมถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีม และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ
ส่วนภาครัฐ ระยะหลังมานี้เห็นได้ชัดเจนว่ามีการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น นับเป็นช่วงเวลาที่ดี บรรยากาศน่าลงทุนอย่างมาก
“นโยบายรัฐบาลที่จะรักษาบรรยากาศให้เป็นบวกมีส่วนสำคัญอย่างมาก หากสามารถรักษาความสงบทางการเมือง การบริหารจัดการภาครัฐที่เร็วมากขึ้นได้ตลอด อุตสาหกรรมก็มีโอกาสเติบโตได้ดีต่อเนื่อง” นายสัมพันธ์ กล่าว
เขากล่าวว่า ต่างชาติยังคงเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ปัจจุบันไทยยังคงเป็นฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์อันดับ 1 ของโลก ด้วยสัดส่วนมากกว่า 50% ทุกวันนี้ยังคงสามารถรักษามาตรฐาน คุณภาพกระบวนการผลิตได้ดีมาต่อเนื่อง 30 ปี
สำหรับตัวแปรสำคัญที่จะตัดเชือกว่านักลงทุนจะตัดสินใจเข้ามาหรือไม่ หลักๆ ขึ้นอยู่กับนโยบายระหว่างประเทศซึ่งขณะนี้ชาติต่างๆ ต่างกำลังแข่งขันเพื่อดึงดูดนักลงทุนกันอยู่
ขณะที่ ตัวแปรด้านความเปลี่ยนแปลงของตลาด ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ผู้ผลิตไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจากภาพที่มองเห็นเป็นบวกดังกล่าว ที่ผ่านมาได้ผ่านเหตุการณ์วิกฤติมามาก จนทุกวันนี้มีแผนงานเพื่อรองรับความไม่แน่นอน พยายามระมัดระวัง รอบคอบ และยืดหยุ่นให้ได้ตามการเปลี่ยนแปลง
ด้านการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ผู้ผลิตได้เริ่มปรับตัว เปลี่ยนแปลงตัวเองมาล่วงหน้าเป็นเวลากว่า 10 ปี เช่นการนำระบบอัตโนมัติมาปรับใช้ โดยค่อยๆ ทยอยเข้ามาเป็นระยะ ประเมินขณะนี้การปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ของผู้ผลิตรายใหญ่นับว่าทำได้ดีไม่ต่างกับบริษัทในยุโรปหรืออเมริกา
ปัจจุบันการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีอยู่ 2 รูปแบบหลัก คือ การย้ายฐานการผลิต และด้านเทคโนโลยี 4.0 การลงทุนไอทีที่มองกันอยู่ หลักๆ ขณะนี้คือการนำเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าและอนาไลติกส์มาปรับใช้ นอกจากนั้น มีการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (ไอโอที) มาใช้มากขึ้น โดยรวมจะค่อยๆ ดำเนินการ ทำทันทีเลยไม่ได้ต้องคำนึงถึงคุณภาพและความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
ด้านบุคลากร ต้องพัฒนาต่อเนื่องเช่นกัน บทบาทของสมาคมนายจ้างอิเล็กฯ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงจะต้องมีแผนงานรองรับไว้ชัดเจนเสมอ เช่น การสนับสนุนด้านการฝึกอบรม พัฒนาทักษะบุคลากร โดยปกติจะต้องวางแผนล่วงหน้าระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือ 1 ปีครึ่ง เน้นเรื่องการเพิ่มทักษะใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่าน เพิ่มสมรรถนะในงานสำคัญที่จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ประเทศ