‘โมบายเอ็กซ์โป’ลุ้นเงินสะพัด 2 พันลบ.

นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มวิชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนไทยช่วงต้นปีนี้ยังไม่ค่อยคึกคักมากนัก คาดว่าตลาดรวมจะทรงตัว จากหลายปัจจัยเช่น ไม่มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามากระตุ้น ผู้บริโภคเลือกซื้อเครื่องใหม่ตามความจำเป็นหรือเมื่อเครื่องเก่าพัง และจะพิจารณาเรื่องกล้องเป็นหลัก สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองไม่ค่อยมีผลกระทบมากนัก

ส่วนภาพรวมการแข่งขันยังคงรุนแรงเป็นปกติ ผู้เล่นที่อยู่รอดจะมีเพียงรายใหญ่อินเตอร์แบรนด์ไม่กี่ราย และจะเพิ่มการขายบนช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือมากขึ้น 

สำหรับมหกรรมโทรศัพท์มือถือ “ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2019" ครั้งแรกของปี ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 7-10 ก.พ. 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา บริษัทคาดหวังไว้ว่าจะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท รวม 4 วันผู้บริโภคสนใจเข้าร่วมงานกว่า 7 แสนราย

อย่างไรก็ดี ยังประเมินยากว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายได้หรือไม่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ทั้งสถานที่จัดงานแห่งใหม่ซึ่งแม้พื้นที่มีขนาดใหญ่ ที่จอดรถมีจำนวนมาก สามารถเดินทางมาเข้าชมงานได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ทว่าผู้บริโภคอาจยังไม่คุ้นเคย ขณะเดียวกันผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อย่างซัมซุงไม่ได้เข้าร่วมงาน โดยพื้นที่ที่เคยใช้ทางหัวเว่ยตอบรับเข้ามาจัดแทน

“เรายังหวังว่ายอดผู้เข้าชมงานและยอดเงินสะพัดไม่ต่างจากสถานที่จัดงานเดิม และเนื่องจากยังอยู่ในช่วงควันหลงเทศกาลตรุษจีน ผู้บริโภคบางส่วนมีกำลังซื้อสูง จึงคาดการณ์ว่างานครั้งนี้จะเป็นเวทีแรกของปีนี้ที่จะช่วยกระตุ้นตลาดมือถือให้คึกคัก ขณะเดียวกันการที่มีสินค้าใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทยและวางจำหน่ายในงานทันที รวมถึงสินค้าอื่นๆ พร้อมโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย จะช่วยกระตุ้นยอดขายและดึงดูดผู้ที่สนใจจะเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่รับต้นปี”

จัดเต็มโปรส่วนลด-ของแถม

สำหรับไฮไลต์ที่น่าสนใจ เช่นโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน 24 เดือน สูงสุด 36 เดือน ผู้ค้าปลีกมือถือรายใหญ่เช่นเจมาร์ทนอกจากจัดโปรโมชั่นส่วนลดสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่น จัดกิจกรรมพิเศษเช่นนาทีทองส่วนลดสูงสุด 80% ค่ายมือถือให้ส่วนลดสมาร์ทโฟนกว่า 50% บางรุ่นลด 1-2 หมื่นบาท หรือมากกว่า ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องบันเดิลไปกับแพ็คเกจ

ครั้งนี้มีพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 40 แบรนด์ พันธมิตรทางด้านไอที ร่วมด้วยโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ทั้ง 3 ค่ายเข้าร่วม ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมสัมผัสเครื่องจริงของนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือที่มาพร้อมเทคโนโลยีหน้าจอแบบใหม่ล่าสุด เปิดตัวและวางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย การร่วมออกบูธครั้งแรกของสตูดิโอ  7 ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแอ๊ปเปิ้ลอย่างเป็นทางการ

พร้อมกันนี้ มีอุปกรณ์สวมใส่สมาร์ทวอร์ชรุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้แบรนด์เสียวหมี่กว่า 1 พันเครื่อง รวมไปถึงกล้องถ่ายภาพส่วนลดสูงสุดกว่า 60% โดรน แกตเจ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด และอุปกรณ์เสริมต่างๆ สำหรับสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต

ส่วนของแถมภายในงาน มาเป็นแพ็คอุปกรณ์สำหรับใช้กับสมาร์ทโฟน บางรายให้มากกว่า 25 รายการ มีข้อเสนอรับประกันจอแตก ประกันตัวเครื่อง 2 ปี และบางรุ่นแถมลำโพง หูฟังระดับไฮเอนด์ ฯลฯ

หัวเว่ยจ่อขึ้นที่1สมาร์ทโฟน

นายทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้หัวเว่ยเปิดเกมรุกต้อนรับศักราชใหม่ด้วยการครองพื้นที่บูธในงานโมบายเอ็กซ์โปรวมกว่า 1,212 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดเป็นประวัติศาสตร์และเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดที่ออกบูธครั้งนี้

สำหรับกลยุทธ์ปีนี้มุ่งนำเสนอสายผลิตภัณฑ์ที่แข็งแรง เข้าถึงทุกกลุ่ม บริษัทแม่มองไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพเป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ที่จะนำสินค้าใหม่เข้ามาเปิดตลาด เป็นประเทศที่หัวเว่ยเข้ามาลงทุนในหลายมิติ มั่นใจว่ามีความแข็งแกร่งทั้งกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟน แทบเล็ต และแวร์เอเบิล ด้านการลงทุนใหม่ๆ เน้นพัฒนาบริการหลังการขาย ขยายศูนย์บริการ เพิ่มการโฟกัสกลุ่มพรีเมียม และขยายคอร์เนอร์ในร้านค้าพันธมิตร

ปีที่ผ่านมารายได้ในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 60% ขณะเดียวกันส่วนแบ่งการตลาดใกล้กับซัมซุงซึ่งเป็นเบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนแบบหายใจลดต้นคอ บริษัทตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 50% หากทำได้ดีมีโอกาสขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดได้ภายในปีนี้ จากที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ได้ภายในปี 2563 โดยหากจะเป็นผู้นำได้ต้องมีส่วนแบ่งการตลาด 20%ขึ้นไป 

พร้อมประเมินว่า ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนไทยปีนี้น่าจะทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อยสอดคล้องไปกับกาเติบโตของจีดีพีประเทศ ยอดขายประมาณ 14-15 ล้านเครื่อง ปัจจุบันสัดส่วนตลาดมาจากกลุ่มไฮเอนด์ราคา 1.5 หมื่นบาทขึ้นไป 30% กลาง 5 พันถึง 1.5 หมื่นบาท 40% และล่างต่ำกว่า 5 พันบาท 30% ปัจจัยการเติบโตจะมาจากการอัพเกรดเครื่องจากระดับล่างมาเป็นระดับกลางมากขึ้น ส่วนการมาของ 5จีคงยังไม่ส่งผล ทว่าจะได้เห็นดีไวซ์ที่รองรับการใช้งานเข้ามามากขึ้น