'เอบีม' เร่งเกมลุยตลาด 'อาร์พีเอ' องค์กร
"เอบีม" ชี้ระบบอัตโนมัติอาร์พีเอจ่อคิวฮิตกระแสลงทุนไอทีองค์กร ประเมินตลาดไทยมีศักยภาพเติบโตสูง ช่องว่างยังมีอีกมาก ประเดิมลุยธุรกิจการเงิน ประกันภัย พร้อมเตรียมทีมผู้เชี่ยวชาญรุกหนักองค์กรธุรกิจไทยเต็มสูบ
นายอิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาด้านการปรับเปลี่ยนองค์กรธุรกิจและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในเครือเอบีม คอนซัลติ้งประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ระบบการทำงานซอฟต์แวร์อัตโนมัติ หรือ อาร์พีเอ (Robotic Process Automation) กำลังเป็นกระแสที่เติบโตในโลกของแรงงานดิจิทัล
ทั้งนี้ ตลาดอาร์พีเอในประเทศไทยมีศักยภาพเติบโตได้สูงมาก เนื่องด้วยขณะนี้ธุรกิจในไทยสนใจที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาปรับใช้ ทว่าที่เริ่มใช้งานจริงแล้วยังมีเพียง 13% โดยกลุ่มหลักๆ ได้แก่ ธุรกิจธนาคารและประกันภัย
เขา กล่าวว่า การใช้งานอาร์พีเอตามแบบกฎเกณฑ์มาตรฐานอัตโนมัติ เป็นแนวโน้มที่กำลังเติบโตของโลก ขณะเดียวกันเทคโนโลยีนี้ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจและพร้อมให้ใช้งานในตลาดเร็วๆ นี้ ได้มีการผสมผสานระบบการรู้จำอักขระด้วยแสง การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และเอไอ ซึ่งจะทำให้เป็นเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดมากขึ้น อย่างไรก็ดี การใช้อาร์พีเอจะช่วยให้ธุรกิจได้ประโยชน์ หากธุรกิจมีกระบวนการเป็นมาตรฐาน แม่นยำ สม่ำเสมอ และดำเนินการควบคุมอย่างถูกต้อง
จากการสำรวจเกี่ยวกับสถานการณ์ของอาร์พีเอในประเทศไทยกับบริษัทขนาดใหญ่ใน SET100 โดยเอบีมพบว่า กลุ่มแรกจำนวน 66% ยังไม่ตระหนักว่าอาร์พีเอคืออะไร สามารถทำงานอย่างไร กลุ่มที่สองจำนวน 21% กำลังพิจารณาและสนใจเทคโนโลยีดังกล่าวแต่ยังไม่แน่ใจถึงประโยชน์ที่แท้จริง และกลุ่มที่สามซึ่งพบว่ามีเพียง 13% ที่ได้ติดตั้งและใช้งานแล้ว
ปัจจุบันภาคธุรกิจที่มีการนำอาร์พีเอมาใช้มากที่สุด คือ ธนาคาร 70% ประกันภัย 60% ขณะที่ภาคการผลิต ธุรกิจบริการ พลังงาน อาหารและเครื่องดื่ม แสดงความสนใจ โดยในไทยการใช้งานจะเน้นเรื่องการจัดทำรายงาน การส่งข้อมูลระหว่างระบบ และการป้อนข้อมูลเข้าระบบ ซึ่งถือเป็นงานอันดับต้นๆ ของหน่วยงานการเงินและบัญชี
นายฮาระ แนะว่า การใช้งานอาร์พีเออย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องทำการประเมินผลประโยชน์และผลตอบแทนจากการลงทุนก่อนเป็นอย่างแรก ธุรกิจไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนการอัตโนมัติทำงานแทนคนแบบ 100% เพราะจะเป็นการใช้ต้นทุนที่มากและใช้เวลานานเกินไป
สำหรับเอบีม เตรียมเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มที่ มั่นใจว่าขณะนี้มีความพร้อมในการช่วยธุรกิจพิสูจน์แนวคิด ด้วยระบบอัตโนมัติที่ทำงานได้จริง สามารถวัดประสิทธิผลได้ภายใน 8 สัปดาห์ มากกว่านั้นสามารถวัดประโยชน์ที่จะได้รับพร้อมสร้างโอกาส รวมทั้งตรวจจับประเด็นปัญหาด้านเทคนิคภายใต้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด การทำตลาดในไทยมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 คน สำหรับดูแลโครงการให้แก่ลูกค้ามากกว่า 15 ราย