Taste'n Time พุดดิ้งโภชนาการสูง วิจัยไทยรุกตลาดเฮลตี้

จากการศึกษาอยู่ในต่างประเทศและพบว่าเทรนด์สารอาหารแบบชนิดพร้อมทานกำลังเป็นที่นิยมของตลาดจึงทำให้เกิดความสนใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง ประกอบกับพบว่าไทยยังเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารที่สมบูรณ์ แต่อาหารเหล่านั้นกลับไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เพียงพอจึงเป็นเหตุจุดประกายให้ บวร วิเชียรสินธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิชไวย์ กรุ๊ป จำกัด มองหาช่องทางผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารชนิดพร้อมทาน ภายในบรรจุภัณฑ์พกพาสะดวกเข้ามาตอบโจทย์ตลาดในประเทศไทย พร้อมมองหาแหล่งเงินสนับสนุนด้านการวิจัย แต่กระนั้นบวรไม่มีประสบการณ์ในการทำวิจัยด้านนี้จึงได้เข้าร่วมโครงการ "คูปองนวัตกรรม" หนึ่งในโครงการของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นโครงการจับคู่ระหว่างผู้ประกอบการกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างธุรกิจนวัตกรรมและให้การสนับสนุนด้านเงินทุน

 

 และแน่นอนว่าได้มีการจับคู่กับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมได้รับเงินสนับสนุนจากเอ็นไอเอจำนวน 5.9 แสนบาท ทำให้เกิดวิจัยร่วมกันผ่านการใช้เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์อาหารและโภชนาการเพื่อหาสัดส่วนของส่วนผสม เนื้อสัมผัส ในลักษณะอาหารทดแทนใกล้เคียงกับสารอาหารหลักมากที่สุด โดยใช้ระยะเวลา 1 ปีจนกระทั่งทำการวิจัยสำเร็จออกมาในรูปแบบของพุดดิ้งรสชาติต่างๆ 5 สูตร ในชื่อแบรนด์ เทสต์แอนไทม์ Taste'n Time

 

นวัตกรรมปรับแต่งรส-กลิ่น

“จากเดิมที่มีเพียงไอเดียในการผลิต แต่ติดขัดข้อจำกัดด้านเงินทุนจึงทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาในรูปแบบสารอาหารรวมไม่เฉพาะกลุ่ม และเมื่อเวอร์ชั่นแรก 5 รสชาติออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศจนได้ข้อสรุปที่ว่าผู้บริโภคชอบสินค้าที่ชัดเจนแบบเจาะจง จึงได้มีการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่โดยร่วมวิจัยกับเอ็นไอเอ และสถาบันโภชนาการอีกครั้งในการคิดค้นสูตรพุดดิ้งขึ้นใหม่เพื่อเจาะจงกลุ่มผู้บริโภค จึงนับเป็นความท้าทายที่เริ่มจากตัวผลิตภัณฑ์ที่ต้องให้สารอาหารครบถ้วนในขนาดที่พอเหมาะตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค และต้องมีความใหม่ในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย จนสรุปออกมาเป็น 2 สูตรคือ รสช็อคโกแลต สำหรับเด็ก และรสสตรอว์เบอรี่ เหมาะกับผู้หญิงวัยทำงาน”

 

โดยสถาบันโภชนาการปรับเปลี่ยนนวัตกรรมพุดดิ้งให้มีความโดดเด่นครบถ้วน 5 สารอาหารหลัก ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ รวมถึงโอเมก้า โคลีน ถั่วขาว ชาเขียว โฟเลต ปราศจากกลูเตน และสารกันบูด บรรจุอยู่ในถุงรีทอร์ทเพาซ์ที่ผ่านการนำวิจัยทดลองใช้งานเหมาะสำหรับพร้อมทานและง่ายต่อการเก็บรักษา

‘เงินทุน-ช่องทาง’ จุดตัดความสำเร็จ

ความยากของการทำธุรกิจนั้นมองว่าไม่ได้อยู่ที่การวิจัย แต่อยู่ที่การตอบรับของตลาดมากกว่า เนื่องจากคนยังไม่รู้จักแบรนด์และเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ยาก ซึ่งหลังจากเปิดตัวปีนี้ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดโดยเริ่มจากช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นกว่า 5 พันสาขาควบคู่กับการเน้นให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียก่อน ซึ่งในช่วงแรกตลาดยังไม่เข้าใจในสินค้า จึงต้องใช้ทุกช่องทางเพื่อสื่อสารทำให้เข้าใจง่าย และในอนาคตวางเซกเมนต์ของช่องทางการตลาดขยายสู่ออนไลน์และต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มเป้าหมายของพุดดิ้ง เทสต์แอนไทม์ Taste'n Time มีทั้งผู้บริโภคกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศที่เป็นคนรุ่นใหม่

 

 “แน่นอนว่าตลาดอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพมีคู่แข่งจำนวนมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดอาหารทางเลือกพร้อมทานเพื่อสุขภาพของโลกจะมีมูลค่าประมาณ 10,551 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2521 หากดูจากตัวเลขเค้กชิ้นใหญ่จะพบคำตอบว่าทำไมใครๆ จึงอยากกระโจนเข้ามาในธุรกิจอันหอมหวานนี้ ไม่เว้นแม้แต่ดาราที่ในแต่ละปีจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างคึกคัก แต่ก็มีทั้งแบรนด์ที่อยู่รอดและล้มหายไปจากสนามแข่งขัน แต่สำหรับเทสต์แอนไทม์มีจุดเด่นในความเป็นนวัตกรรมที่มาจากการทำวิจัย ดังนั้นไม่ค่อยที่จะพบเห็นคู่แข่งในตลาดประเทศไทยโดยตรงที่ทำสินค้ารูปแบบพุดดิ้งเจาะจงกลุ่มผู้บริโภค จึงนับว่าเราเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพแบบครบวงจร” บวร กล่าว

 

นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 23% ของจีดีพี ส่งผลให้อนาคตอาหารนวัตกรรม หรือ กลุ่มฟู้ดเทค ทวีบทบาทมากยิ่งขึ้นทั้งในกลุ่มผู้บริโภคและตลาดโลก เนื่องด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและตัวแปรที่ทำให้ผู้ประกอบการด้านอาหารผันตัวมาเป็นนักสร้างสรรค์ และนักพัฒนาอาหาร เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารที่มีคุณสมบัติในการเป็นยา การยืดอายุอาหาร การพัฒนาสารอาหารทดแทน โดยในส่วนของเอ็นไอเอได้มุ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถเติบโตและก้าวสู่ผู้นำในฐานะของการเป็น “ครัวโลก” ด้วยกลไกเครือข่าย องค์ความรู้ ระบบนิเวศ เงินทุน ทั้งนี้มั่นใจว่าในอนาคตไทยจะมีผู้พัฒนานวัตกรรมอาหารที่มีศักยภาพและนำพาให้อุตสาหกรรมอาหารเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น