แนวโน้ม 'ซัพพลายเชน' ปี 63 'เอไอ' ทรงอิทธิพล
การเชื่อมโยงสมองมนุษย์ไปสู่เอไอ จะเพิ่มขึ้นและเริ่มแสดงผลที่ชัดมากขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ปี 2563 จะเกิดสิ่งสำคัญ คือ การเปลี่ยนไปเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืนด้วยตัวเอง ซัพพลายเชนต้องพึ่งพาทรัพยากรภายในประเทศและคู่ค้าที่มี โดยจะเกิดในสหรัฐ จีน และในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วอื่นๆ เป็นส่วนใหญ่ ภาคการผลิตจะอยู่ในลักษณะ “ผลิตในประเทศและส่งมอบในประเทศ” มากขึ้น
"ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้แบรนด์ภายในประเทศมากขึ้นเช่นกัน ในจีนผู้บริโภคหันไปใช้แบรนด์เสื้อผ้า อุปกรณ์ไฮเทค โทรศัพท์ และรถยนต์ของจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่แบรนด์จากตะวันตก สำหรับสหรัฐ บริษัทต่างๆกำลังรับมือกับความตึงเครียดที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวกับจีน ต้องปรับเปลี่ยนเครือข่ายซัพพลายจากจีนไปประเทศอื่น และสร้างเครือข่ายใหม่ที่อยู่ใกล้สหรัฐมากขึ้น"
ดัน“เทคโนโลยี”ตัวช่วยหลัก
“คริสตาลินา จอร์จิว่า” ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า แม้จะมีการเติบโตทางการค้าเพิ่มขึ้นในปี 2563 แต่ความไม่ลงรอยกันในปัจจุบันอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเชนที่อยู่ในภาวะวิกฤติ ภาคการค้าที่ต่างคนต่างทำ และ ‘กำแพงเบอร์ลินดิจิทัล’ ที่บีบคั้นให้ประเทศต่าง ๆ ต้องเลือกใช้ระบบทางเทคโนโลยี
ทั้งนี้ กำแพงเบอร์ลินดิจิทัล เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงอุปสรรคต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น และผลกระทบจากเทคโนโลยีที่มีต่อการค้า
การหดตัวของงานด้านซัพพลายเชน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ฝังแน่นในวงการการค้า ทำให้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นปัจจุบันส่งผลระยะยาวกับระบบซัพพลายเชน บวกกับการตั้งกำแพงกีดกันโดยฝ่ายต่างๆ และพื้นที่ตามภูมิภาคต่างๆ
ความคล่องตัวและความยืดหยุ่นที่มีอยู่ทั่วโลก และการเน้นความสำคัญกับการขยายตัวของโลกาภิวัตน์ที่มีมาเป็นเวลาหลายปี จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในจุดนี้ ความสามารถในการให้บริการและให้การสนับสนุนซัพพลายเออร์ที่อยู่นอกเขตของฮับที่ให้บริการปกติ ได้อย่างรวดเร็วจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมาทันทีเมื่อเกิดการติดขัดด้านดิจิทัล
เชื่อมโยงเครือข่ายสู่ความเป็นหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดว่าปี 2563 ธุรกิจต่างๆ จะพากันแสวงหาวิธีการใหม่ เพื่อคิดค้นและให้บริการลูกค้าท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ตึงเครียด สิ่งสำคัญ คือ การเชื่อมโยงกับพันธมิตรในต่างประเทศอย่างทั่วถึง ทำงานร่วมกัน รับรู้สถานะและได้รับข้อมูลที่เชื่อมโยงกันระหว่างฝ่ายต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตในอนาคต
"บริษัทที่เตรียมการเชื่อมประสานซัพพลายเชนของตัวเองให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน จะมีความคล่องตัวและความเร็วในการดำเนินงาน สามารถรับรู้และตอบสนองเชิงรุกต่อความต้องการของลูกค้า สิ่งนี้จะเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญในปี 2563 ส่งผลให้บริษัทก้าวขึ้นมาโดดเด่นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตัวเอง"