เน็ตแอพ ชี้ '5จี ดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม' พลิกอุตฯไอทีไทย
‘เน็ตแอพ’ ยาหอมตลาดไอทีไทยยังโต เหตุองค์กรธุรกิจมีการปรับตัวดึงเทคโนโลยีมาปรับใช้ เผย 3 เทรนด์เด่น ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์ม 5จี กม.ข้อมูลส่วนบุคคล หนุนตลาดเทคโนโลยีและคลาวด์โต
“5จี นั้นแบนด์วิธใหญ่มาก ไม่ต้องประมวลผลเฉพาะที่ส่วนกลาง แต่ทำที่ปลายทาง (เอดจ์) ได้เลย เช่น การเลี้ยงหมูหมื่นตัว เซ็นเซอร์ก็สามารถตรวจจับได้หมดที่เอดจ์ว่าต้องการหมูน้ำหนักเท่าไหร่เพื่อนำไปขาย ทำให้ 5จี วิเคราะห์ได้ว่าหมูตัวไหนเข้าข่าย 5จี จะเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันได้” นายวีระ กล่าว
นอกจากนี้ เรื่อง พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะประกาศใช้เดือน พ.ค.63 จะส่งผลต่อวงการไอทีที่องค์กรไม่ควรมองข้าม เป็นตัวคุ้มครองข้อมูลส่วนตัว ผลมาจากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัล ส่งผลให้มีการล่วงละเมิดสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น ภาครัฐต้องคุ้มครองความเป็นส่วนตัวประชากรในประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) ครอบคลุมข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ
จาก 3 เทรนด์ที่เกิดขึ้น เน็ตแอพพร้อมตอบโจทย์ด้วย 3 โซลูชั่นหลัก ได้แก่ เน็ตแอพคีย์สโตน (NetApp Keystone) สำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างหรือจัดซื้อโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์, เน็ตแอพดาต้าแฟบริค (Data Fabric) ช่วยบริหารจัดการเคลื่อนย้ายข้อมูลบนมัลติไฮบริดคลาวด์อย่างไม่มีข้อจำกัด และคลาวด์ คอมไพลเอนซ์ (Cloud Compliance) เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลองค์กรบนคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวีระ กล่าวว่า กลยุทธ์ของเน็ตแอพ มุ่งนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นเพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนโยกย้ายคลาวด์ได้อย่างไม่มีผลกระทบ หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องของการย้ายระบบเข้าสู่คลาวด์ แนะองค์กรไทยมองและปรับเปลี่ยนองค์กรให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ
"การวางแผนเลือกใช้บริการต่างๆ บนคลาวด์ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้องค์กรต้องเจอค่าใช้จ่ายแฝงของการใช้คลาวด์ ต้องคิดให้รอบด้าน ทั้งการย้ายข้อมูลขึ้นคลาวด์ และการย้ายข้อมูลออกจากคลาวด์"
อย่างไรก็ตาม นายวีระ กล่าวว่า ตลาดไทยโดยภาพรวมยังเติบโต ธุรกิจการเงินการธนาคารยังคงทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาครัฐเพื่อให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0