'โคเวิร์คกิ้ง' ฝ่าวิกฤติโควิด แจกเวลา-ตรวจคัดกรองเข้ม
“โคเวิร์คกิ้งสเปซ” ส่อแววทรุดหลังโควิด-19 ระบาดทั่วโลก ทั้งยักษ์ใหญ่สัญชาติสิงคโปร์อย่าง “จัสโค” รวมถึงแบรนด์ไทยอย่าง “NapLab” ผู้มาใช้บริการลดลงถึง 50% ทั้งในสัดส่วนเมมเบอร์และทั่วไป เผยเร่งงัดแผนฉุกเฉินฝ่าวิกฤติอัดโควตาเก็บระยะเวลาได้นาน 14 วัน
โควิดเสี่ยง-การแข่งขันสูง
แม้ธุรกิจโคเวิร์คกิ้งสเปซจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่เมื่อต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ทางจัสโคเพิ่งเปิดตัวสาขาที่ 3 ในอาคารสามย่านมิตรทาวน์ เช่นเดียวกันกับศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้เปิดตัว TTA Space by Drafboard ทำเลใจกลางกรุง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เข้าถึงการทำงานได้ทุกที่ โดยจัดโปรโมชั่นหลายรายการ อาทิ ส่วนลด 50% จองไพรเวทรูม 3 เดือน สัญญา 1 ปี หรือจองห้องประชุมรับส่วนลด 50% ต่อชั่วโมง และ 3 ชั่วโมง ฟรี 1 ชั่วโมง จองห้องคอนเวนชั่นรับส่วนลด 25% ตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค.นี้
วิมลนิตย์ เลิศพิทักษ์กิจ ผู้จัดการทั่วไป จัสโค (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “จัสโค” ในฐานะผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้งสเปซระดับพรีเมียมในเอเชีย สัญชาติสิงคโปร์ ยังคงมีกระแสตอบรับเข้ามา แต่จำนวนการเข้ามาเยี่ยมชมเพื่อเจรจาทำสัญญานั้นอาจจะน้อยลง เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจช้าลง โดยสัดส่วนการมาใช้บริการนั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนที่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ทั้งแบบชั่วคราว ระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือน อย่างก่อนหน้านี้ที่โคเวิร์คกิ้งสเปซสามารถรองรับคนที่ต้องการใช้พื้นที่การทำงานแผนสำรองกรณีเข้าที่ทำงานของตนเองไม่ได้จากสถานการณ์โควิด-19 โดยจะเป็นในส่วนของธุรกิจสถาบันการเงิน และบริษัทที่มีพนักงานฝ่ายขาย เพื่อสะดวกในการติดต่อลูกค้า และ 2.กลุ่มคนทั่วไปที่เข้ามาใช้พื้นที่แบบครั้งคราว
“กระทั่งมีประกาศจากรัฐบาลเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาในการสั่งปิดสถานบันเทิงทุกชนิด ในพื้นที่กทม.และ 6 จังหวัดปริมณฑล เพื่อให้ดำเนินการบิ๊กคลีนนิ่ง14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.เป็นต้นไป จะเห็นได้ว่าพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซของจัสโคทุกสาขาในประเทศไทย 3 สาขาไม่ว่าจะเป็น สาขาเอไอเอ ทาวเวอร์ สาขา แคปปิตอล ทาวเวอร์ ออลซีซั่นส์เพลส และสาขาสามย่านมิตรทาวน์ ค่อนข้างมีผู้มาใช้บริการน้อยลง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ที่ได้รับแจ้งว่าจะหันไปทำงาน Work From Home มากขึ้น ส่วนระยเวลานั้นอาจจะล้อไปตามนโยบาย 14 วัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าฐานกลุ่มองค์กรที่จองห้องทำงานเป็นส่วนตัว อีกทั้งลูกค้ากลุ่มที่มาใช้บริการเป็นครั้งคราวก็จะเห็นได้ว่ามีจำนวนน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่จะมีการประกาศมาตรการนี้”
ยกระดับมาตรฐานการใช้บริการ
ทั้งนี้ทาง “จัสโค” ยังคงเปิดทำการปกติ แต่กระนั้นก็มีแนวทางและมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่โดยการกรองขั้นแรกนั้นผู้มาใช้บริการจะถูกคัดกรองจากฝ่ายอาคาร จากนั้นทางจัสโคแต่ละสาขาจะมีมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งผู้มาใช้บริการ และพนักงาน พร้อมทั้งบนพื้นที่มีเจลแอลกอฮอลล์บริการตามจุดต่างๆในเซ็นเตอร์ อีกทั้งมีหน้ากากอนามัยไว้ให้บริการ และมีเจ้าหน้าที่คอยเช็ดทำความสะอาดพื้นที่ที่มีจุดสัมผัสบ่อยๆ ทำให้มั่นใจได้ว่าแม้จะมีช่วงวิกฤติที่ทั่วโลกต้องประสบแต่โคเวิร์คกิ้งสเปซยังคงเป็นสถานที่มีความปลอดภัยและปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ส่วนสาขาในต่างประเทศยังคงเปิดทำการปกติรวมทั้งสาขาที่เซี่ยงไฮ้ ที่เริ่มมีผู้มาใช้บริการเนื่องจากสถานการณ์คลี่คลาย และมีการป้องกันอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ใช้บริการ
ลุ้น! โคเวิร์คกิ้งสเปซยังไปต่อได้
สรพัชร เสมอกาย กรรมการผู้จัดการ Naplab เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโคเวิร์คกิ้งสเปซ ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ยังคงไปได้เรื่อยๆเนื่องจากดีมานด์เพิ่มต่อเนื่อง มีอัตราเติบโตสูงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูได้จากการเปิดพื้นที่ให้บริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายสาขาในทำเลชั้นนำมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการมองหาสถานที่ทำงานกลุ่มร่วมกัน หรือแม้กระทั่งพนักงานองค์กร จึงส่งผลให้ตลาดนี้มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น
โดย NapLab มีทั้งหมด 2 สาขาคือ 1.จุฬา ซอย 6 บนพื้นที่กว่า 1,300 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ผู้มาใช้บริการจะเป็นนักเรียนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป 2.วังหลัง มีพื้นที่กว่า 700 ตารางเมตร โดยส่วนใหญ่ผู้มาใช้บริการเกิน 50% จะเป็นนักศึกษาแพทย์ ซึ่งเซอร์วิสการให้บริการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ โคเวิร์คกิ้งสเปซ และห้องประชุม
“แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สรพัชร มองว่า ผู้มาใช้บริการมีจำนวนลดลงคิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% เนื่องจากสถานศึกษามีการปิดทำการ อีกทั้งในส่วนขององค์กรต่างๆเมื่อมีมาตรการ Work from home ผู้มาใช้บริการจึงมีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา โดยทาง NapLab มีมาตรการป้องกันให้กับผู้มาใช้บริการอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการบริการเจลแอลกอฮอลล์ หรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งมีเซอวิสให้กับผู้มาใช้บริการแบบเมมเบอร์หากพึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงสามารถยื่นเอกสารการเดินทางเพื่อยืดอายุเมมเบอร์ได้ฟรี 14 วัน และในกรณีที่ลูกค้าพบเชื้อและต้องหยุดรักษาตัว สามารถนำเอกสารใบรับรองแพทย์มายืดอายุเมมเบอร์ได้ตามระยะเวลารักษาตัวที่ระบุในใบรับรองแพทย์ ส่วนด้านโปรโมชั่นเสริมนั้นยังไม่มีการปรับราคาเนื่องจากไม่มีลูกค้าเข้ามาหากปรับไปแล้วนั้นจำนวนผู้มาใช้บริการจะกลับสู่ปกติหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องมีการมอนิเตอร์รัฐบาลเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรอฟังมาตรการจากรัฐบาลว่าจะไปในทิศทางใด เพื่อที่จะตั้งรับกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีและวางแผนในการบริหารจัดการโคเวิร์คกิ้งสเปซได้อย่างเหมาะสม พร้อมฝ่าวิกฤติกู้ยอดขายคืนมา”