สตาร์ทอัพมช.ส่ง 'ยูวีซีฆ่าเชื้อ' ลดสัมผัสน้ำยาเคมี

สตาร์ทอัพมช.ส่ง 'ยูวีซีฆ่าเชื้อ' ลดสัมผัสน้ำยาเคมี

"มณีจันทร์ฯ" สตาร์ทอัพ มช. สุดเจ๋ง! ผลิต "เครื่อง UVC" ฆ่าไวรัสแบบเคลื่อนที่ ผ่านการเชื่อมต่อไอโอที ลดความเสี่ยงของการติดโรค ลดปัญหาการขาดแคลนน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมเล็งส่งมอบให้ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ พร้อมกระจายให้โรงพยาบาลทั่วภาคเหนือ

แน่ชัดแล้วในประสิทธิภาพของรังสี UVC ในการกำจัดสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กหรือเชื้อโรคต่างๆ อย่างไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราและเชื้อก่อโรคต่างๆ โดยการทำลายดีเอ็นเอและยับยั้งการแบ่งตัวหรือหยุดการแพร่พันธุ์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากน้ำยาฆ่าเชื้อ ช่วยลดการตกค้างหรือปนเปื้อนของสารเคมีในน้ำยาฆ่าเชื้อ และที่สำคัญรังสีสามารถฆ่าละอองฝอยของเชื้อที่ลอยในอากาศได้ และยังสามารถใช้ฆ่าเชื้อบนพื้นผิวของอุปกรณ์เฉพาะ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์การแพทย์ ที่ไม่สามารถสัมผัสน้ำหรือน้ำยาเคมี

แสงอาทิตย์ ประกอบด้วยรังสียูวี 3 ชนิดต่างกัน ชนิดแรกคือ UVA ซึ่งเป็นรังสีส่วนใหญ่ที่ส่องมายังโลก สามารถทะลุผิวหนังของคนเรา และเชื่อว่าทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ และจุดด่างดำ ถัดมาคือ UVB ซึ่งสามารถส่งผลต่อดีเอ็นเอในผิวหนังของเรา ทำให้เกิดผิวไหม้เนื่องจากแสงแดด และแม้กระทั่งมะเร็งผิวหนัง แต่ทั้ง UVA และ UVB สามารถป้องกันได้โดยครีมกันแดดดีๆ ส่วนชนิดที่ 3 คือ UVC ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น แต่มีพลังอานุภาพมากทีเดียวในการทำลายล้างสารพันธุกรรม แต่ถูกสกัดออกไปในชั้นบรรยากาศโดยโอโซน ก่อนที่จะเดินทางมาถึงโลกและผิวของเรา

ส่งมอบ รพ.ทั่วภาคเหนือ

ในราวปี 2421 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความมีอยู่ของแสง UVC ต่อมาทำการสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อใช้ฆ่าพวกจุลินทรีย์เล็กๆอย่างแพร่หลาย รวมถึงฆ่าพยาธิต่างๆ ที่ดื้อต่อคลอรีนในน้ำอุปโภคบริโภค กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมืออันดับต้นๆ ที่ถูกเอามาใช้ต่อสู้กับโควิด-19 โดยใช้ในโรงพยาบาล เครื่องบิน สำนักงานและโรงงานต่างๆ ทั้งยังพบในธนาคารก็ใช้แสง UVC ฆ่าเชื้อบนธนบัตร

ล่าสุดบริษัท มณีจันทร์ ไอโอที โซลูชัน จำกัด ผู้ประกอบการในโครงการบ่มเพาะธุรกิจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลิตเครื่อง UVC ฆ่าไวรัสแบบเคลื่อนที่เชื่อมระบบไอโอที ส่งมอบให้โรงพยาบาลทั่วภาคเหนือ ทั้งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลเชียงดาว โรงพยาบาลสันกำแพง โรงพยาบาลลำพูน โรงพยาบาลนครพิงค์และโรงพยาบาลเทพปัญญา จ.เเชียงใหม่

158799761299

ไกสร มณีจันทร์ ประธานกรรมการบริษัท มณีจันทร์ฯ กล่าวว่าริษัททำการศึกษาพบว่า ความเข้มข้นของแสง UVC มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย โดยสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางพันธุกรรม รวมทั้งบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้าและไอโอที จึงบูรณาการทีมงานด้านการผลิตและงานวิจัย ผลิตเครื่อง V-Free ขึ้น ซึ่งสามารถกำเนิดแสงยูวีที่มีความเข้มข้นในช่วงคลื่น 253.7 นาโนเมตร สำหรับฆ่าเชื้อทำความสะอาดพื้นที่มีระบบอากาศปิดในสถานพยาบาลและวัสดุทางการแพทย์

158799763181

เครื่องนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดโรคแก่บุคลากรและผู้ใช้บริการสถานพยาบาล ลดปัญหาการขาดแคลนน้ำยาฆ่าเชื้อ (แอลกอฮอล์) และยังช่วยลดต้นทุนในการทำความสะอาดได้ โดยปรับแต่งอุปกรณ์ให้เคลื่อนที่ได้ง่ายเพื่อความสะดวกต่อการใช้งานและเพิ่มพื้นที่สำหรับการฆ่าเชื้อในห้องต่างๆ รวมถึงพื้นที่แออัดซึ่งยากต่อการทำความสะอาด ทั้งยังมีระบบหยุดการทำงานฉุกเฉิน พร้อมสามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกล แสดงผลประสิทธิภาพการทำงาน โดยสามารถส่งต่อไปยังห้องปฏิบัติการ (ล้านนาแล็บ) เพื่อวิเคราะห์เชื้อและรายงานผลอายุการใช้งานของอุปกรณ์หลอดยูวีซีผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันจากผู้ผลิตรายอื่นได้เป็นอย่างมาก

เตือนใช้อย่างระมัดระวัง

ผศ.นภาพงษ์ พงษ์นภางค์ หัวหน้าภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประธานภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลีย สมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติ กล่าวว่า ไวรัสแต่ละชนิดมีความทนต่อยูวีต่างกัน ซึ่งการทำลายเชื้อจะเกิดขึ้นเวลาที่ตัวรังสียูวีเข้าไปตกกระทบกับตัวไวรัส แล้วไปทำลายโครงสร้างของตัวไวรัส ทำให้ไม่สามารถที่จะจำลองตัวเอง เพื่อที่จะขยายจำนวนได้ต่อไป โดยที่ต้องใช้พลังงานจากรังสียูวีที่เหมาะสม ซึ่งในส่วนของรังสียูวีซีไม่ใช้ฆ่าเชื้อกับคน แต่จะใช้ฆ่าเชื้อที่อยู่บนพื้นผิววัสดุต่างๆ เช่น มือถือ พวงกุญแจ หรือวัสดุที่ไม่สามารถซักล้างทำความสะอาดได้

“การใช้ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซีต้องมั่นใจว่าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน และมีความถี่ที่เหมาะสม ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ เราควรป้องกันตัวเองด้วย ซึ่งหากเป็นเครื่องที่ปล่อยแสงในกล่อง หรือภาชนะปิดจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าถ้าเป็นแสงไฟที่ซื้อมาเป็นหลอดที่ปล่อยยูวีซีต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เวลาเปิดหลอดไฟไม่ควรจะเข้าไปอยู่ในห้อง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อผิว และดวงตา อาจทำให้เซลล์ผิวหนังถูกทำลาย และมีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนัง หรืออาจทำให้ตาเป็นต้อ หรือเกิดความผิดปกติได้ ดังนั้น จึงควรที่จะต้องจัดเตรียมทุกอย่างไว้ก่อน แล้วให้ตัวเราอยู่นอกห้อง ก่อนเปิดสวิตช์ ให้แสงออกมา แล้วทิ้งไว้ในระยะเวลาที่พอสมควรจึงปิดหลอดไฟ”

158799770164