‘ทีซีซี เทค’ เปิดวิชั่น ‘รอด’ ฝ่าวิกฤติโควิด-19

หลายธุรกิจกระตือรือร้นปรับตัวสู่โลกดิจิทัล และเตรียมพร้อมเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต

เปิดมุมมองความคิดผู้บริหารระดับสูงในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ผู้ให้บริการอินฟราสตรัคเจอร์ด้านไอที “ที.ซี.ซี เทคโนโลยี กรุ๊ป” ถึงแนวทางการรับมือต่อวิกฤติโควิด-19 'ธีรพันธุ์ เหลืองนฤมิตชัย' กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.ซี. เทคโนโลยี จำกัด หรือ ทีซีซีเทค กล่าวถึง การจัดการตามลำดับความสำคัญ รวมถึงประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะกับสถานการณ์ และการมองข้ามชอตสู่เทรนด์ในอนาคต

ธีรพันธุ์ กล่าวว่า ช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ไทยต้องเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ที่ยากต่อการรับมือให้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งตัวแปรสำคัญที่องค์กรต้องคำนึงถึงถ้าอยาก “รอด” ท่ามกลางวิกฤตินี้ คือ ‘การรู้รับ ปรับตัว และการปรับใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด’ ต่อธุรกิจหรือการดำเนินชีวิต รวมถึงความสำคัญการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Planning - BCP) หรือบีซีพี เพื่อให้การบริหารธุรกิจดําเนินต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก

ธุรกิจเดินหน้าไร้รอยต่อบนแผน ‘บีซีพี’

“ทีซีซีเทคมีบีซีพีขององค์กรตั้งแต่ครั้งเริ่มสร้างบริษัท บริหารจัดการความเสี่ยงให้ลูกค้าผ่านบริการ Disaster Recovery มาตรการเหล่านี้ผ่านการทดสอบจากหลายสถานการณ์ในอดีต เช่น น้ำท่วมใหญ่ การระบาดไข้หวัดใหญ่ เราเรียนรู้จากอดีต และนำแนวทางต่างๆ มาปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ใหม่ที่กำลังเผชิญหน้าปัจจุบัน เพื่อให้องค์กรยืนหยัดได้อย่างยั่งยืน และเพิ่มความต่อเนื่อง แข็งแกร่งขององค์กรลูกค้าด้วย”

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงตลอด แม้ไร้ซึ่งวิกฤติใดๆ คือ บริหารจัดการความปลอดภัยตามมาตรฐานไอเอสโอ 27001 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพปกป้องทรัพย์สินสารสนเทศขององค์กรลูกค้า ครอบคลุมถึง BCP โดยพิจารณาแผนรองรับหลากหลายความเสี่ยง และหลายสถานการณ์ รวมทั้งการแพร่ระบาดของโรค หากพบสถานการณ์ยกระดับความรุนแรง แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจของทีซีซีเทคจะถูกนำมาใช้ทันที

ธีรพันธุ์ กล่าวว่า บริษัทได้ออกมาตรการจำกัดจำนวนพนักงานที่ต้องปฎิบัติงานในสำนักงาน พนักงานส่วนใหญ่ได้รับมอบให้ปฎิบัติงานระยะไกล หรือ รีโมท เวิร์คกิ้ง แต่ยังคงสามารถเข้าถึงสิทธิ์การใช้งานข้อมูลและเครื่องมือต่างๆ ได้ตามปกติ แต่เนื่องจากบริการด้านอินฟราสตรัคเจอร์ขององค์กรให้ความสำคัญกับข้อตกลงระดับการให้บริการ ทำให้พนักงานบางส่วนต้องอยู่ปฎิบัติงาน ณ ไซต์งานนั้นๆ จุดนี้ทางบริษัทมีการจัดเตรียมพื้นที่ พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง และอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ พร้อมรับหากในกรณีที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

สนับสนุนช่วยเหลือลูกค้า “ทุกด้าน” 

ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญ คือ ความพยายามสนับสนุนลูกค้าในทุกด้านภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ

"เรามีโปรเฟสชั่นนัล พูล หรือ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ครอบคลุม ทั้งอินฟราสตรัคเจอร์ แพลตฟอร์ม อนาไลติกส์ และแอพพลิเคชั่น ที่พร้อมการันตรีการเพิ่มคุณค่าระยะยาวในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจที่แท้จริงทั้งในยามปกติและยามวิกฤติ" 

ธีรพันธุ์ กล่าวว่า เทคโนโลยี คือ องค์ประกอบสำคัญในการดูแลลูกค้าและองค์กร ซึ่งกระบวนการส่วนใหญ่ของพวกเขาออนไลน์อยู่ ทีซีซี เทคช่วยแบ่งเบาภาระให้ลูกค้ายามวิกฤติโดยเพิ่มแบนด์วิธฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และจัดโซลูชั่นการทำงานที่บ้านในราคาพิเศษ

"สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ รุนแรงมากและไม่เหมือนวิกฤติใดๆ ในอดีต ซึ่งส่งผลกระทบ ไม่มากก็น้อยต่อองค์กรต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงกลุ่มองค์กรที่อยู่ในระบบนิเวศน์ ทั้งในส่วนของผู้ขายลูกค้า และแม้กระทั่งองค์กรเราเอง ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคฯ ส่งผลให้หลายองค์กรต้องปรับตัวสู่โลกออนไลน์" 

มองข้ามช็อตสู่เทรนด์ในอนาคต

ธีรพันธ์ุ กล่าวว่า แม้วิกฤตนี้จะส่งผลให้องค์กรต่างๆ จากทุกภาคส่วนจะเปิดรับเทคโนโลยีได้เร็วขึ้นแบบอัตโนมัติ ทำให้ตลาดไอทีได้รับความต้องการเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ การทำงาน ร่วมกันผ่านออนไลน์ ระบบคลาวด์ และระบบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย ฯลฯ

แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อเกินหนึ่งไตรมาส หรือกินเวลาถึงหนึ่งปี จะทำให้เกิดความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจในระยะกลาง เช่น การหยุดชะงักของซัพพลายเชน กระทบต่อการส่งมอบบริการที่ล่าช้ากว่ากำหนด เสียโอกาสจากความล่าช้าของความร่วมมือในการสร้างโปรเจคและพลาดโอกาสในการเป็นพันธมิตรเนื่องจากการสร้างเครือข่ายด้วยมนุษย์สัมพันธ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยาก การชะลอตัวด้านการลงทุนทางเทคโนโลยี ภาพรวมตลาด บางโครงการเลื่อนการลงทุนออกไป ชะลอการดำเนินโครงการช่วงส่งมอบงานหรือยกเลิกบริการ

"ชั่วโมงนี้ ผู้คนเริ่มประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างอัตโนมัติ หลายธุรกิจกระตือรือร้นปรับตัวสู่โลกดิจิทัล และเตรียมพร้อมเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต ต่างมองหาเทคโนโลยี โซลูชัน รวมถึงเทคโนโลยีสำหรับการติดตามขณะพนักงานปฎิบัติงานที่บ้าน ขณะที่ อนาคตธุรกิจต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อรองรับการทำงาน แต่จะหันไปพึ่งเครื่องมือการทำงานร่วมกันผ่านระบบออนไลน์แทน ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะเป็นตัวเร่งอัตราการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีให้เติบโตขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเทคโนโลยีคลาวด์ โครงสร้างพื้นฐานไอที และการเปิดใช้งานแอพพลิเคชันทางธุรกิจ"