'วว.' ส่งวิทย์ฯ เพิ่มค่า 'พืชอัตลักษณ์' เพชรบูรณ์
วว.ผนึกกำลัง4หน่วยงานภาครัฐ-เอกชนในจังหวัดเพชรบูรณ์ มุ่งบูรณาการความร่วมมือพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตร "พืชอัตลักษณ์" เล็งยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ดำเนินโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยอัตลักษณ์จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านการดำเนินงานโดยโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมไทย ผ่านการสร้างสรรค์คุณค่าเครื่องสำอางตามเอกลักษณ์ท้องถิ่น หรือ (Thai Cosmetopoeia) ผนึกกำลัง 4 หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ อุทยานธรณีเพชรบูรณ์ มุ่งบูรณาการความร่วมมือพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตร พืชอัตลักษณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. ดำเนินโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยอัตลักษณ์จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านการดำเนินงานโดย โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมไทยด้วยการสร้างสรรค์คุณค่าเครื่องสำอางตามเอกลักษณ์ท้องถิ่น หรือ Thai Cosmetopoeia ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ “นวัตอัตลักษณ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย” เป็นการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบท้องถิ่นให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมนโยบาย BCG ให้เกิดการขยายตัวอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
นอกจากนี้จะพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัย การบริหารจัดการองค์ความรู้ และพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านอุตสาหกรรมชีวภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน รวมทั้งเสริมสร้างด้านศักยภาพ องค์ความรู้ และทักษะ ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งหน่วยงานในจังหวัดเพชรบูรณ์ที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมนิสิต/นักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การใช้ห้องปฏิบัติการเพื่อการเรียนรู้ และทำงานวิจัยในด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง อาหารเสริม หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่นๆ
รวมทั้งการฝึกงานระดับบัณฑิตและมหาบัณฑิตศึกษา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งผลักดันผลงานวิจัย และงานบริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ การประชาสัมพันธ์ผลงานด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งงานบริการวิเคราะห์ทดสอบด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและเป็นที่ยอมรับในผลงานวิจัยของนักวิจัยไทยเพื่อก้าวสู่สากล
“ความร่วมมือครั้งนี้จะร่วมกันศึกษาและพัฒนางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่มีความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและให้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างองค์กรในการกำหนดแนวทางการพัฒนางานวิจัยให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการและตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลักดันสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ทั้งผลักดันผู้ประกอบการจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้ตอบสนองและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และนวัตกรรม” ผู้ว่าการ วว. กล่าว
นอกจากนี้ วว.ได้จัดนิทรรศการโชว์ผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ กาแฟน้ำหนาว ชาหญ้านางแดง และผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารจากจุลไหมไทย รวมทั้งนิทรรศการผลงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ความสำเร็จจากโครงการ Thai Cosmetopoeia อาทิ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชั่นจากมะขามหวาน “Nature Bright” ซึ่งมีฤทธิ์ทางชีวภาพ ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ กระตุ้นการทำงานของไมโทคอนเดรีย ต้านการอักเสบ ต้านการเกิดเม็ดสีผิว
วว.ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้แก่ ห้างหุ้นส่วน ดร. เซอร์วิส จำกัด และได้รับทุนจากโครงการ Research Gap Fund จาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการผลิตระดับอุตสาหกรรม ณ โรงงานนวัตกรรมอาหาร หรือ FISP ของ วว. เครื่องสำอางจากสารสกัดเมล็ดมะขาม มีสรรพคุณเพื่อความกระจ่างใสและบำรุงผิวหน้า ซึ่งในท้องตลาดยังไม่มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่พัฒนาจากสารสกัดเมล็ดมะขาม ขณะนี้ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ บริษัท รีเสิร์ช เอ็กซ์ จำกัด (Research X Co.Ltd.) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าจากสารสกัดอะโวคาโด ซึ่ง วว. ร่วมดำเนินงานกับบริษัท เอสแอนด์เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) มีประสิทธิ
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอรับการปรึกษาเพื่อพัฒนาพืชอัตลักษณ์ท้องถิ่นในรูปแบบเครื่องสำอาง ได้ที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โทร. 025779300 (ในวันและเวลาราชการ) www.tistr.or.th