‘เอสทีที จีดีซี’ ทุ่ม 7 พันล.ลุยดาต้าเซ็นเตอร์
ตั้งแคมปัสบนพื้นที่15ไร่ เจาะธุรกิจใหญ่ โอทีที รับดาต้าสะพัดมหาศาล
นายศุภรัฒศ์ กล่าวว่า จุดเด่นของเอสทีที จีดีซีฯ คือ อินฟราสตรัคเจอร์ที่รองรับมีความพร้อมด้วยการออกแบบเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์สเกล มีกำลังการให้บริการที่สูงเพียงพอต่อเวิร์คโหลดของดาต้าที่มหาศาล
"ช่วงที่ภาคธุรกิจต่างๆ หยุดชะงักและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เห็นได้ชัดว่า ธุรกิจดิจิทัลมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตใช้งานดาต้าแบบ ทริปเปิลดิจิต คนชอปออนไลน์มากขึ้น คนดูหนังออนไลน์เพิ่ม ตัวเลขการใช้งานอินเทอร์เน็ตและปริมาณดาต้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและตอบสนองต่อเทคโนโลยีดิจิทัล"
เขากล่าวว่า ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของไทย ยังมีโอกาสเติบโตจากความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งของประเทศ ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศได้เป็นจำนวนมาก คาดว่า ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของอาเซียนในปี 2567 จะมีมูลค่าสูงถึง 5.4 พันล้านดอลลาร์ ช่วยสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
"ในไทยยังไม่มีรายไหนที่ทำดาต้าเซ็นเตอร์ ในลักษณะแคมปัส คือ อยู่ภายในสถานที่เดียวกัน เราเป็นบริษัทแรก ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ของไทย การลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ยังถือเป็นตัวช่วยหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้ด้วย ขณะที่เชื่อว่า องค์กรยังพร้อมที่จะลงทุนเพราะโควิดบีบให้ธุรกิจต้องทรานฟอร์ม ต่อไป ดาต้าเซ็นเตอร์จะกลายเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จำเป็น และการมีดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ในไทย ยังสามารถดึงเงินลงทุนเข้ามาในไทยได้ด้วย" นายศุภรัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในช่วง 4 ปีแรกที่เปิดให้บริการในระดับพันล้านบาท
เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทร่วมทุนภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "FPT" ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และเอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ "เอสทีที จีดีซี" (STT GDC) ผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก จากสิงคโปร์