‘บลูบิค’ แนะธุรกิจใช้ ‘Agile’ ยกระดับการตลาดยุคโควิด-19
องค์กรที่นำหลักการ อไจล์มาปรับใช้ ช่วยออกแคมเปญการตลาดได้เร็วขึ้นกว่าการตลาดแบบเดิม
“บลูบิค” แนะดึงหลักการ “อไจล์” (Agile) ปรับใช้ทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการได้เร็วขึ้นกว่าการทำตลาดแบบเดิม ด้วยการสร้างแคมเปญการตลาดขนาดเล็ก หรือประเมินความต้องการลูกค้าแบบเรียลไทม์จากข้อมูลที่ทำการเก็บอย่างต่อเนื่อง
“พชร อารยะการกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (Bluebik) บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี กล่าวว่า การทำการตลาดแบบ อไจล์ ช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น และนำเสนอสินค้าได้ทันความต้องการของผู้บริโภค หากธุรกิจต้องการสร้างความได้เปรียบการแข่งขันและนำเสนอสินค้าบริการให้ตรงใจ นักการตลาดยุคใหม่ต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันความเปลี่ยนแปลงผู้บริโภคหลังวิกฤตโควิด-19 ที่เปลี่ยนไป เช่น อุปนิสัยและพฤติกรรมใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวไทย โดยนำหลัก อไจล์ มาปรับใช้ เสริมประสิทธิภาพในการทำการตลาดในวันที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
“คล่องตัว”เปิดแคมเปญตลาดได้เร็ว
เขาอธิบายว่า อไจล์ คือ กระบวนการช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น เน้นสื่อสารระหว่างบุคคลเพื่อความเข้าใจกัน กระจายอำนาจการตัดสินใจ เปลี่ยนการกำหนดเป้าหมายระยะยาวมุ่งครั้งเดียว เป็นระยะสั้นๆ หรือเรียกว่า สปรินท์ (Sprint) เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจซึ่งเกิดขึ้นได้ทุกวัน และแก้ข้อผิดพลาดได้เร็ว ก่อให้เกิดการคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จากการระดมสมองอย่างไม่มีขีดจำกัด
ส่งผลให้สินค้าและบริการได้รับการพิจารณาและปรับปรุงจากทุกฝ่ายพร้อมกัน มีระบบความคิดที่รอบคอบ สามารถดึงจุดแข็งของธุรกิจดั้งเดิมออกมาตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค แบบไร้ข้อผิดพลาดหรือมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือ การร่วมงานอย่างใกล้ชิดและการสื่อสารที่ชัดเจน
“อไจล์ ในบริบทของการทำการตลาดเป็นการสร้างแคมเปญการตลาดที่คล่องตัว ปรับเปลี่ยนและนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้รวดเร็ว จากการใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดตามความต้องการผู้บริโภค ยิ่งธุรกิจออกแคมเปญการตลาดเร็วขึ้นเท่าไร จะได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเร็วขึ้นเท่านั้น ขณะที่ ออกแคมเปญได้ในเวลาที่เหมาะสมทันต่อเหตุการณ์ ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หรือหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้แบบเรียลไทม์”
การทำตลาดแบบ อไจล์ เป็นแนวทางที่หลายองค์กรในต่างประเทศนำไปใช้จริง รายงานการสำรวจองค์กรธุรกิจชั้นนำชื่อ State of Agile จาก Digital.ai บริษัทให้บริการโซลูชั่นการบริหารจัดการองค์กรในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้สอบถามความเห็นจากผู้บริหารและที่ปรึกษาธุรกิจจากหลายภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 1,000 รายทั่วโลกเมื่อปี 2562 พบว่า 60% ขององค์กรที่นำหลักการ อไจล์ มาปรับใช้ ระบุว่า ช่วยให้ออกแคมเปญการตลาดได้รวดเร็วขึ้นกว่าการตลาดแบบเดิม ขณะที่ 26% เปิดเผยว่าช่วยลดต้นทุนการทำแคมเปญลงด้วยเช่นกัน
เปิด 4 ข้อดัน “อไจล์”ประยุกต์ใช้งาน
สำหรับขั้นตอนที่ธุรกิจนำหลักการ อไจล์ ไปประยุกต์ใช้ทำการตลาด ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1. วางกรอบเป้าหมาย และวางแนวทางการทำงานเบื้องต้น ทั้งการสร้างทีมงาน วิธีการทำงานของนักการตลาดหรือแนวทางการสร้างแคมเปญ เพื่อนำไปสู่การกำหนดรูปแบบการทำการตลาด และการนำแนวคิดไปปฏิบัติจริง
2. สร้างทีม อไจล์ มาร์เก็ตติ้ง เฉพาะกิจ ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนไม่มาก 8 คน จากหลายสายงานและมีทักษะแตกต่างกัน หน้าที่หลักของทีมคือ สร้าง ทดลองแคมเปญการตลาดใหม่ๆ และนำแคมเปญที่ประสบความสำเร็จไปต่อ ยอด ปรับใช้แคมเปญอื่นๆ ในอนาคต อ้างอิงตามข้อมูลผลลัพธ์จากแคมเปญก่อนหน้า
3. เริ่มทำการตลาดจากแคมเปญเล็กๆ ช่วยปรับเปลี่ยนแนวทางที่เหมาะสมได้ทันการณ์ หากแนวโน้มยังไม่บรรลุผลสำเร็จตามเป้า การทำแคมเปญเล็กจะใช้งบประมาณที่ไม่มากนัก และควรมีระยะเวลาทำแคมเปญไม่เกิน 2 สัปดาห์ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องระยะยาว เบื้องต้นธุรกิจเริ่มจากเลือกทำการตลาดกับลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพื่อเป็นการทดลองก่อน
4. วัดและประเมินผล อ้างอิงจากข้อมูลผลลัพธ์ต่างๆ ที่เก็บรวบรวมได้ในการทำแคมเปญ ทำให้ธุรกิจรู้ว่าแคมเปญแบบไหนเหมาะสม เพื่อนำไปพัฒนาแคมเปญในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“หากธุรกิจต้องการอยู่รอด และเติบโตอย่างต่อเนื่องในโลกที่พฤติกรรมผู้บริโภค และปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนไว การเปลี่ยนแนวทางทำการตลาดแบบเดิม มาเป็นการทำการตลาดแบบอไจล์ ซึ่งมีความคล่องตัว จะช่วยให้องค์กรพร้อมรับมือเทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาด” นายพชร กล่าว