นวัตกรรม
'อีพีเดคคอร์' พลิกโฉมธุรกิจรางผ้าม่าน สู่สมาร์ทฟาร์มไฮเทค
กสอ.โชว์ต้นแบบแตกกอ "อีพีเดคคอร์" จากผู้ประกอบการรางผ้าม่าน สู่นวัตกรรมสมาร์ทฟาร์มปลูกพืชผักเอาใจสายสุขภาพ ชี้กุญแจฝ่าวิกฤตโควิด-19 ด้วยยุทธศาสตร์ “แตกกอ” เสริมศักยภาพปั้นสู่ธุรกิจใหม่ พร้อมเตรียมหนุนผู้ประกอบการไทยฝ่าปัญหาระดับภูมิภาค
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยความสำเร็จยุทธศาสตร์ “แตกกอ” โครงการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการทำธุรกิจให้สามารถแตกกอขยายสู่ธุรกิจใหม่ ผ่านการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะการประกอบการ พร้อมส่งเสริมทักษะเดิมของแต่ละบุคคลให้สามารถทำธุรกิจได้โดยมีผู้ประกอบการเดิมให้การสนับสนุน เพื่อการดำเนินธุรกิจใหม่ในอนาคตในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแตกกอธุรกิจใหม่ได้กว่า 12 กิจการ หนึ่งในต้นแบบความสำเร็จ คือ "บริษัท อี.พี. เดคคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด" ผ่านการส่งเสริมทักษะที่พนักงานเชี่ยวชาญ เสริมสร้างองค์ความรู้สู่การเป็นผู้ประกอบการ พัฒนาต่อยอดจากองค์ความรู้ในบริษัท ผลิตเป็น BAANSUAN SMART FARM โดยดึง นวัตกรรมเอไอ มาใช้ในการปลูกผัก ทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายผ่านไลน์แอพพลิเคชั่น เอาใจคนรักผักสายสุขภาพ
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เร่งดำเนินการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมให้สามารถดำเนินธุรกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านโครงการแตกกอผู้ประกอบการ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับภาคอุตสาหกรรมในการปรับตัวในช่วงที่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ตามปกติ โดยโครงการดังกล่าว มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการค้นหาและพัฒนาศักยภาพของธุรกิจและพนักงาน ผ่านเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ทำให้เกิดบุคลากรคุณภาพมาขับเคลื่อนการดำเนินงาน และมีความพร้อมที่จะต่อยอดไปสู่การประกอบธุรกิจใหม่
เป็นทางออกสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนเพื่อประกอบกิจการใหม่ และยังช่วยให้เกิดการจ้างงานได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากธุรกิจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ พนักงานซึ่งถือเป็นผลผลิตขององค์กรก็จะสามารถออกไปประกอบกิจการของตนเอง เพราะได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆจากผู้ประกอบการเดิมไว้แล้ว ช่วยลดปัญหาการเลิกจ้างงานที่อาจเกิดขึ้น
"สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือ กสอ. ได้ดำเนินการผ่านการดำเนินงานของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 ครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน สามารถแตกกอธุรกิจใหม่ 12 กิจการ ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจไปจากเดิม 2 กิจการ และสร้างการต่อยอดธุรกิจเดิม โดยใช้องค์ความรู้และเครื่องมือที่มีอยู่จำนวน 10 กิจการ หนึ่งในนั้น คือ ผู้ประกอบการ บริษัท อี.พี. เดคคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แตกกอมาดำเนินการธุรกิจสมาร์ทฟาร์มอัจฉริยะ จากเดิมที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรางผ้าม่านรายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ กสอ. จะขยายผลไปยังภูมิภาคต่างๆ เพื่อธุรกิจสามารถแตกกอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนรายได้ในแต่ละพื้นที่ ทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการจ้างงานในอนาคต" ณัฐพล กล่าว
นายสราวุธ สินสำเนา บริษัท อี.พี. เดคคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยอดขายรางผ้าม่านและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องลดลง จึงใช้ช่วงดังกล่าวจัดทำแปลงปลูกผัก และจัดทีมพนักงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้การเพาะปลูกสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยได้รับคำแนะนำจาก กสอ. พัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งง่ายต่อการใช้งาน ลดกำลังคนที่ใช้ในการดูแลแปลงผัก
การพัฒนาดังกล่าว ถือเป็นจุดริเริ่มให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และศักยภาพที่ได้รับการพัฒนาของพนักงาน จึงต่อยอดเป็นระบบ BAANSUAN SMART FARM พร้อมการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบปลูกผักให้มีประสิทธิภาพ สำหรับปัจจุบันระบบดังกล่าวมีต้นทุนการผลิตต่อชิ้นอยู่ที่ 2 พันบาท แต่ในอนาคตจะมีการพัฒนาให้ถูกลง
อย่างไรก็ดี กสอ. ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านการดำเนินการเร่งด่วน ทั้งการสนับสนุนให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ การพัฒนาทักษะสำหรับผู้ประกอบการในการปรับโมเดลธุรกิจ การช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในภาคอุตสาหกรรม ผ่านการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน