วศ.จับมือ มรภ.ภูเก็ต ปั้นอาหารผ่านศาสตร์ปรุงอาหารแนวใหม่
กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ร่วมกับ มรภ.ภูเก็ต เสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโดยใช้ศาสตร์การปรุงอาหารแนวใหม่ : Molecular Gastronomy หวังยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ และก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในชุมชน
กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) โดยสำนักเทคโนโลยีชุมชน จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร "การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโดยใช้ศาสตร์การปรุงอาหารแนวใหม่ : Molecular.Gastronomy" โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิต ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ และก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในชุมชน โดยมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมฝึกอบรมจำนวนมาก
การฝึกอบรม วศ. สำรวจความต้องการของผู้ประกอบการอาหารในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่ามีความต้องการพัฒนากระบวนการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบหลากหลาย เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภค วศ.อว.จึงได้พัฒนาด้าน Food Innovation โดยเฉพาะศาสตร์การปรุงอาหารแนวใหม่ : Molecular.Gastronomy ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหาร และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอุตสาหกรรมอาหารในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ สำนักเทคโนโลยีชุมชนม วศ. ประยุกต์หลักการทางวิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ มาใช้ในกระบวนการแปรรูปอาหาร ใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบ ช่วยปรับปรุงคุณภาพ ลดระยะเวลากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร สร้างอาหารรูปแบบใหม่ และคงคุณค่าทางอาหารไว้ใกล้เคียงของเดิม ได้แก่ วิธีการแช่แข็งแบบรวดเร็ว (Flash.Frozen) เพื่อยืดอายุและคงรักษาคุณภาพวัตถุดิบ การแปรรูปเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ด้วยวิธีซูสวีด (Sous.–.Vide) เพื่อปรับปรุงลักษณะเนื้อสัมผัสและลดระยะเวลาในการปรุงอาหาร และการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ซอสโดยใช้เทคนิคเจลหุ้ม เรียกว่า สเฟียริฟิเคชัน (Spherification) เพื่อออกแบบอาหารให้มีความหลากหลาย และเปิดประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหารของผู้บริโภค
ทั้งนี้ วศ. ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ มรภ.ภูเก็ต ร่วมผลักดันและติดตามผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้าร่วมฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ ส่งผลให้สามารถพึ่งตนเอง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน