กสทฯเร่งปิดดีลหนี้ก่อนควบรวม
มั่นใจทันเดดไลน์ที่ครม.กำหนดให้เสร็จต้นปีหน้า
กสทฯเดินเครื่องเจรจาเจ้าหนี้อีกรายเดียว ก่อนแต่งหน้าทาปากควบรวมกิจการกับทีโอทีสู่ “เอ็นที” ตามมติครม.ที่ขยายเวลาให้เป็น 14 ม.ค. 64 ด้านดีอีเอสเผยความคืบหน้ากระบวนการไปได้ไกลโดยเฉพาะบัญชีด้านการเงินของ 2 องค์กร ยันหลังควบรวมเสร็จจะเป็นบริษัทที่เก่งกาจใน 5จีและดาวเทียม
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการควบรวมกิจการระหว่างกสทฯและบมจ.ทีโอที เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที จากเดิมที่ต้องแล้วเสร็จในวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 เป็นวันที่ 14 มกราคม 2564 นั้น หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลาดังกล่าว อาจจะต้องขอให้ครม.ขยายระยะเวลาการควบรวมกิจการเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
“มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการควบรวมให้แล้วเสร็จทันตามระยะเวลา ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งมีมติให้ใช้ระยะเวลาในควบรวม 6 เดือน และขยายได้อีก 6 เดือน รวมเป็น 1 ปี หรือแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2564 โดยปัจจุบันเหลือการแจ้งเจ้าหนี้เพียงรายเดียว คาดว่าจะสามารถเจรจาได้เป็นผลสำเร็จ” พ.อ.สรรพชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมากพอสมควรแล้ว เพื่อให้เสร็จตามกรอบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดเดือนมกราคม 2564 โดยเฉพาะเรื่องบัญชีของทั้ง 2 บริษัท เมื่อทั้ง 2 ฝ่าย ยินดีเปิดใจและพร้อมแสดงทรัพย์สินและการเงินต่อกันอย่างไม่ปิดบัง ทำให้การทำงานคืบหน้ามากกว่าด้านอื่น ขณะที่ด้านกฎหมาย มีรายละเอียดเรื่องสัญญาและข้อพิพาทจำนวนมากที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าทั้ง 2 บริษัท มีลูกหนี้ เจ้าหนี้ หรือเป็นพันธมิตรกับใครบ้าง
ส่วนเรื่องบุคลากร เป็นเรื่องที่น่าหนักใจที่สุด เพราะทั้ง 2 องค์กร มีการทำงานในตำแหน่ง เวลาการทำงาน และเงินเดือนที่ต่างกัน ซึ่งต้องหาข้อสรุปเพื่อให้พนักงานทั้ง 2 องค์กรทำงานภายใต้ระเบียบการทำงานเดียวกัน โดยยอมรับว่าเมื่อมีตัวอย่างของบางรัฐวิสาหกิจที่ล้มลงและต้องจ้างพนักงานออก ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจตลอดจนพนักงานทั้ง 2 บริษัท ตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวครั้งนี้และยอมรับได้ในการปรับบทบาท หน้าที่ และเวลาการทำงานให้เหมือนกัน
นอกจากนี้ ตนเองยังได้ให้นโยบายด้านการพัฒนาทักษะบุคลากรแก่พนักงานเดิมให้สามารถทำงานภายใต้บทบาทและโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นให้ได้ โดยต้องให้โอกาสกับคนเดิมที่อยู่ก่อน ประมาณ 1-2 ปี หลังจากเป็นเอ็นทีเพื่อให้เขาได้ปรับตัวและพัฒนาศักยภาพของตนเอง หากท้ายที่สุดแล้วเขาไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ ก็เป็นหน้าที่ของเอ็นทีในการหาคนใหม่เข้ามาแทนที่ ซึ่งตนยืนยันว่าก่อนการควบรวมไม่มีการจ้างพนักงานออกอย่างแน่นอน
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เมื่อควบรวมเสร็จแล้ว เอ็นทีจะกลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่มีศักยภาพในการให้บริการโดยเฉพาะเรื่อง 5จี และ ดาวเทียม ที่แม้ว่าทั้งทีโอทีและกสทฯต่างมีพันธมิตรในการทำธุรกิจดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit Satellite:LEO) แล้วก็ตาม แต่เมื่อเป็นเอ็นทีแล้ว เอ็นทีต้องเปิดกว้างให้ทุกรายเข้ามาร่วมธุรกิจได้ อาจจะเป็นต่างชาติ การเป็นพันธมิตรกันก่อนหน้านั้นไม่ได้ยืนยันว่าจะต้องทำธุรกิจร่วมกัน