'ซัมซุง' บุกลูกค้าองค์กร ปั้นตลาด Rugged Device หนุน

'ซัมซุง' บุกลูกค้าองค์กร ปั้นตลาด Rugged Device หนุน

“ซัมซุง” ประกาศกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรปี 64 พร้อมดันภาคธุรกิจไทย มุ่งสู่อนาคตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ด้วย “บิซิเนส อินโนเวชั่น” ปั้นตลาด "รักเก็ต ดีไวซ์" (Rugged Device) บุก

ชูจุดแข็งซัมซุงรุกองค์กร 

มารุต ชี้ว่า จุดแข็งของซัมซุง 3 ประการ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าองค์กร ได้แก่ 1.ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมาร์ทดีไวซ์ 2. แพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยระดับสูงสุดระดับเดียวกับที่ใช้ในทางการทหาร คือ Samsung Knox (ซัมซุง น๊อกซ์) 3.ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก สร้างอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์มากที่สุดสำหรับองค์กร

โควิด-19 ทำให้หลายวงการต้องปรับตัว เกิด รีโมท เวิร์คกิ้ง ทำธุรกรรมดิจิทัล ลดการสัมผัส ระบบคลังสินค้าและกระจายสินค้าแบบใหม่ที่ยืดหยุ่นสูง ไปจนถึงการแพทย์ทางไกล

ซัมซุงมองว่าจุดขาย Rugged Device ทั้งด้านความทนทาน การออกแบบ UI และ UX เพื่อใช้งานในระดับปฏิบัติการโดยเฉพาะ สินค้ากลุ่มนี้ของซัมซุง ประกอบด้วย สมาร์ทโฟน 2 รุ่น คือ Galaxy XCover4 และ Galaxy XCover Pro แท็บเล็ตมี 2 รุ่น คือ Galaxy Tab Active3 และ Galaxy Tab Active Pro ทนทานต่อการกระแทก กันน้ำและกันฝุ่นในระดับสูง ใช้งานได้แม้หน้าจอเปียก หรือในขณะสวมถุงมือ

เทค รีเสิร์ช เอเชีย พบว่า กว่า 44% ขององค์กรในไทยมีการใช้งาน Rugged Device อยู่แล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการอุปกรณ์ในกลุ่มนี้เพิ่มสูงขึ้นในปี 2564 ด้วยการทำตลาดอย่างจริงจัง โดยซัมซุงจะเน้นการสร้างประสบการณ์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ รวมถึงแผนการเปิด บีทูบี สโตร์ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

เจาะ ‘ค้าปลีก-คลังสินค้า’ 

มารุต กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่มีความเป็นไปได้สูงในการใช้งานผลิตภัณฑ์ Rugged Device คือ ธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะการจัดการคลังสินค้า, ระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่งยานพาหนะ ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ รวมถึงธุรกิจการศึกษา โดยเฉพาะในระดับ บีทูบีทูซี 

ตัวอย่างเคสในประเทศไทยที่ใช้งาน Rugged Device เป็นหนึ่งในโซลูชั่นทางธุรกิจ เช่น ASIA CAB ผู้ให้บริการแท็กซี่ระดับวีไอพี มาตรฐานเดียวกับลอนดอนที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย โครงการพัฒนาหุ่นยนต์และอุปกรณ์สนับสนุนการแพทย์ CU-RoboCOVID จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แบ่งเบาภาระงาน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้บุคลากรทางการแพทย์ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19