‘อินโฟบิป’ แนะธุรกิจมอง ‘ดิจิทัล’ ตอบโจทย์ 'คนรุ่นใหม่' คาดหวังสูง

การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูง และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อเป้าหมายการครองใจลูกค้าและการเป็นผู้นำในตลาด กลุ่มเจนใหม่ใจร้อน หรือกลุ่มที่โตมากับเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ก้าวหน้า ส่งผลให้ผู้บริโภคยุคใหม่ในไทยคาดหวังในการบริการและการซื้อสินค้าที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มที่ความคาดหวังนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

สิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ต้องเร่งแข่งขัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ ทั้งแง่ผลิตภัณฑ์และการบริการ กลายเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดผู้บริโภค เนื่องจากคนไทยกว่า 90% ไม่เพียงใช้โทรศัพท์มือถือทำกิจกรรมต่างๆ บนโลกออนไลน์ แต่ยังต้องการการบริการและประสบการณ์ซื้อสินค้าที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และไร้รอยต่อด้วย

พฤติกรรมผู้บริโภคไม่เหมือนเดิม 

“ศุภพร ชัยวิสุทธิ์” ผู้จัดการ อินโฟบิป (ประเทศไทย) จำกัด แพลตฟอร์มการสื่อสารระดับสากลบนระบบคลาวด์ กล่าวในประเด็นนี้ว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ไทยมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ผู้ใช้กว่า 53 ล้านคน ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลจากพฤติกรรม นิว นอร์มอล ช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19  ทำให้หลายองค์กรปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่เวิร์คฟรอมโฮม โดยตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คาดการณ์ประมาณ 62 ล้านคนภายในปี 2568

การใช้งานอินเทอร์เน็ตและการเข้าถึงที่เพิ่มขึ้นนี้ กระทบต่อเวลาที่คนไทยใช้บนโลกโซเชียลด้วย ซึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ เฟซบุ๊ค (94%), ยูทูบ (94%), ไลน์ (85%), เฟซบุ๊ค แมสเซนเจอร์ (76%) และอินสตาแกรม (65%) ตามลำดับ

ด้วยเหตุนี้ การเติบโตของการใช้อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดียยุคปัจจุบัน จึงส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องตรวจสอบกลยุทธ์ของบริษัทตัวเอง และจัดการวางแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการผู้บริโภคในอนาคตได้

ความท้าทายที่ธุรกิจต้องปรับตัว

“ศุภพร” กล่าวด้วยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังนำไปสู่ผลกระทบมากมายต่อธุรกิจ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ รวมถึงการลดลงอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเงินลงทุนจากต่างประเทศก่อให้เกิดความท้าทายที่ธุรกิจในทุกภาคส่วนต้องเผชิญและแก้ไข 

เช่น ขาดโอกาสในการขาย ธุรกิจโดยเฉพาะผู้ค้าปลีกในร้านค้าและห้างสรรพสินค้า ต่างประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจแบบหน้าร้าน ดังนั้น หลายธุรกิจจึงต้องเปลี่ยนช่องทางการขาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งถึงบ้าน หรือการเปิดหน้าร้านออนไลน์ เพื่อให้สินค้าและบริการยังสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้

ขาดความต่อเนื่องทางธุรกิจ พนักงานและผู้จัดการพบว่าการทำงานและประสานงานจากที่บ้านกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำงาน ด้วยเหตุนี้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในองค์กร จะช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ช่วงเศรฐกิจคับขัน ธุรกิจต่างมองหาทางออกที่คุ้มค่า เพื่อเปลี่ยนแปลงสู่ช่องทางสื่อสารและการขายแบบ ออมนิแชนนัล โดยการตัดสินใจลงทุนทุกครั้งต้องเป็นสิ่งที่จำเป็น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรได้แท้จริง

แนะธุรกิจลงทุน “คลาวด์” 

"ความท้าทายเหล่านี้ ประกอบกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความต้องการสำหรับโซลูชั่นบนระบบคลาวด์ที่ครอบคลุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกิจต่างมองหาเครื่องมือเพี่อจัดการความยุ่งยากและซับซ้อนของการสื่อสารบนช่องทางออนไลน์ที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่า เพราะโซลูชั่นการสื่อสารบนระบบคลาวด์ที่เหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าและสร้างการสนทนาที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างครบวงจร บนหลักการของ เป้าหมายที่ใช่ ในเวลาที่โดน และผ่านช่องทางที่เหมาะสม" 

“ศุภพร” กล่าวต่อว่า การวิเคราะห์ข้อมูล การกำหนดเป้าหมาย รวมไปถึงระบบปฏิบัติการอัตโนมัติที่สามารถปรับแต่งให้มีความเฉพาะเจาะจง ได้กลายมาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า สิ่งนี้ควบคู่ไปกับวิธีการสื่อสารแบบ “Always On” จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจ  

ขณะที่แบรนด์ต่างๆ แข่งขันกันต่อเนื่อง เพื่อเป็นผู้นำในช่องทางออนไลน์ที่เข้าถึงง่ายและเชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยสร้างคุณค่าให้แบรนด์ในระยะยาว อีกทั้งยังรักษาความจงรักภักดีของลูกค้าได้อีกด้วย

"สำหรับปี 2564 นี้ ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัลในทุกภาคธุรกิจชัดเจนขึ้น เพื่อส่งเสริมความเป็นผู้นำและรองรับความต้องการของกลุ่มเจนใหม่ใจร้อน ธุรกิจต่างๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับปรุงการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการสื่อสารที่แบบออมนิแชนนัล จากหลากหลายช่องทาง ซึ่งจะช่วยการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับแบรนด์เป็นไปอย่างราบรื่นจากทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านช่องทางที่ลูกค้าต้องการ" ศุภพร ทิ้งท้าย