สภานโยบายฯ เคาะกรอบวงเงินการอุดมศึกษาฯ ปี 65 117,880 ลบ.
สภานโยบายฯ เคาะกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาฯ ปี 65 จำนวน 117,880 ลบ. เตรียมชง ครม. ตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา ผลิตกำลังคนระดับสูงตามทิศทางความต้องการประเทศ
การประชุมสภานโยบายฯ ครั้งนี้ มีการหารือในหลายประเด็นสำคัญ อาทิ กรอบวงเงินงบประมาณประจำปีด้านการอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2565 การจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา รวมทั้งหารือวาระแห่งชาติการพัฒนาเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy (BCG) บทบาทของ อววน. ในการบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 การพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในประเทศไทย การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา การแต่งตั้งประธานกรรมการพิจารณางบประมาณด้านการอุดมศึกษา และประธานกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2565
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายสำคัญ 3 เรื่องให้กับที่ประชุม เรื่องแรก โมเดลเศรษฐกิจเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า BCG ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญและเห็นชอบให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยได้เน้นว่า สภานโยบายฯ จะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการนำ BCG ไปปฏิบัติให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ซึ่งรวมถึงภาควิชาการ และภาคต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ความท้าทายและเป็นยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการพัฒนาในยุคหลังโควิด-19 ได้
นอกจาก BCG จะเป็นวาระแห่งชาติของไทยแล้ว ไทยยังผลักดันการใช้ประโยชน์จาก BCG ในเวทีระหว่างประเทศด้วย รวมทั้งจะผลักดันเรื่อง BCG ในเวทีระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคอื่นๆ ที่ไทยจะเป็นประธานในระยะต่อไปด้วย อาทิ กรอบ BIMSTEC และ APEC
เรื่องที่สอง บทบาทด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย นวัตกรรม ในการบริหารสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยมีต้นทุนทางด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็ง มีบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพ จึงมอบนโยบายให้สภานโยบายฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุขของไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 โดยเฉพาะการวางรากฐานองค์ความรู้และทรัพยากรบุคคลด้านยาและวัคซีน และการเตรียมความพร้อมรองรับความท้าทายด้านความมั่นคงทางสุขภาพในอนาคต เช่น เรื่องการแพทย์จีโนมิกส์ และสังคมผู้สูงอายุ
เรื่องสุดท้ายคือ การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการอุดมศึกษา ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและเป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่รัฐบาลและภาคส่วนต่างๆ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา จนขณะนี้การลงทุนด้าน R&D ของไทย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 1 ของ GDP และงบประมาณในด้านการอุดมศึกษาก็ได้รับความสำคัญเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การลงทุนในด้านเหล่านี้จะต้องช่วยตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและเป็นประโยชน์กับประชาชน โดยเฉพาะในภาวะที่ประเทศเผชิญกับโควิด-19 และการมองหลังโควิดเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ควรสร้าง “คน” ที่มีคุณภาพทั้งความรู้ รองรับการเปลี่ยนแปลง ควบคู่ไปกับจิตสำนึก คุณธรรม และจริยธรรม
ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เปิดเผยว่า ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ที่มีมติอนุมัติแต่งตั้ง ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นกรรมการของสภานโยบายฯ โดยตำแหน่งด้วย พร้อมทั้งที่ประชุมสภานโยบายฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ เป็นประธานกรรมการพิจารณางบประมาณด้านการอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และแต่งตั้ง ศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ เป็นประธานกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
เคาะกรอบวงเงิน 65
นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังได้มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีด้านการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวนวงเงินทั้งสิ้น 117,880 ล้านบาท โดยจำแนกตามประเภทงบประมาณที่สอดคล้องกับมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 ประกอบด้วย งบบุคลากร จำนวน 70,427 ล้านบาท (ร้อยละ 60) งบดำเนินงานและงบรายจ่ายอื่น จำนวน 38,653 ล้านบาท (ร้อยละ 33) และได้จัดให้มีงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษา และการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ จำนวน 8,800 ล้านบาท (ร้อยละ 7) รวมถึงที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ ซึ่งจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป