นวัตกรรม
ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก! รมว.อว.ชี้ ไทยเก่งพัฒนา 'วัคซีน-เทคฯอวกาศ'
“เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รมว.อว.ถกถึงประเด็นบลูมเบิร์กประกาสอันดับดัชนีนวัตกรรม ทั้งยังชูจุดเด่นไทยที่ทำให้ไต่ขึ้น 4 อันดับ ชี้ชัดไทยไม่แล้ง "นวัตกรรม" ไม่ไร้ “นวัตกร” มีทั้งวัคซีน เทคโนโลยีอวกาศ และ เทคโนโลยีนิวเคลียร์!
เมื่อไม่นานนี้ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) กล่าวเปิดงาน “INNOVATION THAILAND FORUM 2021” จัดโดย สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ว่า ประเทศไทยเวลานี้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากกว่าที่คนไทยรู้ มากกว่าที่ผู้มีการศึกษาของไทยทราบ แม้กระทั่ง มากกว่าที่รัฐบาลเองจะตระหนัก เช่น ทางด้านดาวเทียมและยานอวกาศ ที่ตนได้เคยแถลงไป ประเทศไทยในขณะนี้ทําดาวเทียมขนาดลูกเล็ก ๆ ได้แล้ว และ กําลังจะทําดาวเทียมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นๆ เป็นลําดับ ภายใน 4 ปีนี้ นักวิทยาศาสตร์ นักอวกาศวิทยา วิศวกร บอกว่า ประเทศไทยจะสามารถผลิตดาวเทียมขนาด 150 กิโลกรัมได้ และจะเปลี่ยนดาวเทียมขนาด 150 กิโลกรัม ให้มีน้ำหนักเป็น 300 กิโลกรัม อันนี้ก็เป็นความภาคภูมิใจของนักวิทยาศาสตร์ ของนักดาราศาสตร์ ของวิศวกรของไทยเรา
รมว.อว.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ มีเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูเพื่อสันติ ใช้มาประมาณ 60 ปี ขณะนี้ใช้จนเกือบจะหมดอายุแล้ว ตามปกติต้องไปหาซื้อเครื่องที่สองมา แต่ว่านักเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของไทย โดยสํานักงานเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ มีแผนการที่จะทําขึ้นมาเองเป็นเครื่องที่สอง ไม่ซื้อ แต่จะทําขึ้นเอง ยกเว้นส่วนที่เป็นแก่นของเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูยังทําเองไม่ได้ นอกจากนั้น เรายังมีเครื่องซินโครตรอน ซึ่งเป็นเครื่องเดียวในอาเซียน ใช้ในการผลิตสิ่งที่สําคัญหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะที่เรียกว่า รังสีเภสัช รังสีต่าง ๆ ใช้ในการรักษามะเร็ง เป็นต้น
“ที่สำคัญยังมีเครื่องโทคาแมค ที่เป็นเทคโนโลยีที่จะสร้างกระบวนการฟิวชั่น ซึ่งเป็นกระบวนการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ที่แตกต่างกว่ากระบวนการที่คุ้น คือ กระบวนการฟิชชั่น อันหลังนี้ก็เป็นกระบวนการแบบการทำระเบิดปรมาณู ระเบิดไฮโดรเจน พลังงานเกิดมาพร้อมกับกัมมันตรังสีที่สกปรก แต่ว่าฟิวชั่น มันคือการที่อะตอมมารวมกัน เกิดอะตอมใหญ่ แล้วก็เกิดพลังงานมากมายมหาศาล โดยที่ไม่มีกัมมันตรังสีที่เป็นพิษ ซึ่งก็สามารถจะทําเองได้เกือบหมด และเครื่องโทคาแมค จะทำให้ประเทศไทยเข้าไปอยู่ในสันนิบาตของประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์เป็นที่ยอมรับ ในโลกนี้ก็มีประมาณ 20 ประเทศ” รมว.อว.ระบุ
ขณะเมื่อเกิดโควิด-19 ไทยยังทําวัคซีนไฮเทค 2 ชนิดสําเร็จแล้ว กําลังอยู่ในการทดลองของคน ซึ่งเป็นการทดลองระยะสุดท้าย ผ่านการทดลองในลิงมาแล้ว ตัวแรกคือ วัคซีนที่ทํามาจากสิ่งที่เรียกว่า MRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับ ไฟเซอร์ Pfizer,วัคซีนโควิดโมเดอร์นา( Moderna) ที่โด่งดังทั่วโลกนี้ อีกตัวหนึ่งก็คือ วัคซีน tobacco วัคซีนใบยา ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานเป็นวัคซีนสู้กับโควิด-19 อีกชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงถือได้ว่าเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะประเทศไทยแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทําวัคซีนได้ แต่วิกฤติครั้งนี้อาศัยองค์ความรู้ ความสามารถ นวัตกรรมของที่เกี่ยวกับวัคซีนจนสามารถทำให้เกิดการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และยังมีอีก 5 ชนิดที่รอการพิสูจน์ความสําเร็จอยู่ โดยที่ อว.ให้ทุนไปทั้งหมด 7 ชนิด สําเร็จแล้ว 2 ชนิด อีก 5 ชนิดกําลังทําในขณะนี้
รมว.อว. สรุปว่า ไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้แล้งนวัตกรรม ไม่ได้ไร้นวัตกร คนไทยเป็นคนที่เก่ง เก่งทั้งศาสตร์ เก่งทั้งศิลป์ เก่งทั้งวิทยาการ เก่งทั้งนวัตกรรม เพียงแต่ว่าระบบของยังต้องปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นตนในฐานะรัฐมนตรีจะปรับปรุงแก้ไขให้มากที่สุด เร็วที่สุด แรงที่สุด! เพื่ออนาคตของประเทศไทย และการอยู่ดีกินดีของประชาชนคนไทย