สำรวจ ‘เกาสง’ เมืองท่าในไต้หวันที่มีหัวใจเป็นชิป สมองเป็นเอไอ

เกาสง (Kaohsiung) เมืองท่าทางตอนใต้ของไต้หวัน ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองที่มุ่งสร้างความเท่าเทียม และไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยอาศัยความร่วมมือตั้งแต่ภาคการศึกษา ประชาชน ไปจนถึงเอกชน

“เมืองต้องฉลาดขึ้น เพราะต้องเผชิญกับโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่กำลังเสื่อมสภาพลง” ชาร์ลส์ ลิน (Charles Lin) รองนายกเทศมนตรีนครเกาสง กล่าวในวันให้สัมภาษณ์พิเศษกับกรุงเทพธุรกิจ “ขณะนี้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณภูเขาสามารถเรียกรถแท็กซี่ผ่านสมาร์ตโฟนเพื่อรับส่งได้ โดยจ่ายค่าโดยสารเท่ากับคนในเมือง และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปยังสามารถใช้บริการเรียกรถได้ฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังจ้างคนในท้องถิ่นเป็นคนขับ เพื่อสร้างงานในชุมชน”

ในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็น Kaohsiung Smart City รองนายกเทศมนตรีฯ ยังเปิดเผยถึงแผนความร่วมมือกับ NVIDIA และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเพื่อฝึกอบรมระบบเอไอที่ใช้ในระดับเมือง รวมถึงแผนการพัฒนา “Kaohsiung City GPT” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Generative AI ที่เข้าใจทั้งภาษาถิ่น และวัฒนธรรมของคนในประเทศ

ชาร์ลส์ ลิน (Charles Lin) รองนายกเทศมนตรีนครเกาสง

เบื้องหลังพลังคอมพิวติ้ง TSMC และ NVIDIA

เกาสงยังเป็นฐานที่ตั้งของโรงงานผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ อย่าง TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) ซึ่งมีแผนลงทุนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์

เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงไทเป เมืองหลวงของไต้หวันที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ TSMC แต่ปัจจุบัน เกาสงกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในเมืองของไต้หวันที่มีโรงงานผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรถึง 5 แห่งในพื้นที่ ซึ่งชิปประเภทนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดเอไอ, เทคโนโลยี 5G และคอมพิวเตอร์ควอนตัม โรงงานเหล่านี้มีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่าล้านชิปต่อเดือน และเป็นซัพพลายเออร์หลักให้กับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Apple, NVIDIA และ AMD

“โรงงานผลิตชิปไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างระบบนิเวศขนาดใหญ่ เช่น การจ้างงานคนในท้องถิ่น โดยโรงงานหนึ่งแห่งต้องการวิศวกรราว 1,500 คน และแต่ละคนก็นำไปสู่การสร้างงานอีกมากมาย” 

“โครงการ Kaohsiung Sovereign AI ของเราจะใช้ชิป 2 นาโนเมตรของ TSMC ควบคู่ไปกับ GPU ของอินวิเดีย” เขากล่าวเพิ่มเติม ในขณะที่นายกเทศมนตรี เฉิน ฉีไม่ กำลังเดินทางไปซานโฮเซ่เพื่อเข้าร่วมงาน GTC 2025 ที่จัดโดยอินวิเดีย เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพิ่มเติมในการพัฒนาระบบเอไอดังกล่าว

ระบบเอไอของเกาสงจะเป็นการบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งจากหน่วยงานต่างๆ ภาพจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT โดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และโมเดลภาษาวิสัยทัศน์ (VLM) เพื่อให้ระบบสามารถเข้าใจสถานการณ์ที่ซับซ้อน และให้คำแนะนำแก่ภาครัฐในการบริหารจัดการเมือง ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการแก่ประชาชน

มากกว่าชิป คือเมืองแห่งอนาคต

เบื้องหลังของเกาสงไม่ได้มีเพียงแค่เงินลงทุนหรือโรงงานล้ำสมัย แต่คือ “ผู้คน”

ไต้หวันขึ้นชื่อว่ามีระบบการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ และมหาวิทยาลัยในเกาสง เช่น National Sun Yat-sen University และ National Kaohsiung University of Science and Technology ก็ผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมหลายพันคนต่อปีเพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้

“เราไม่ได้สร้างแค่โรงงานผลิตชิป แต่เรากำลังสร้างเมืองอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น เราต้องการให้เกาสงเป็นเมืองที่คนรุ่นใหม่อยากกลับมาอยู่ ไม่ใช่แค่ทำงานแล้วจากไป” รองนายกเทศมนตรีฯ กล่าว 

การเติบโตของเกาสงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เท่านั้น เมืองนี้กำลังพัฒนาให้กลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาไม่แพ้กับไทเป โดยมีการลงทุนพัฒนา Smart City ด้วยการใช้เทคโนโลยีเอไอ และ IoT ในการจัดการระบบจราจร ลดมลพิษ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั่วทั้งเมือง

นอกจากนี้ ระบบขนส่งสาธารณะของเกาสงกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด โดยรถโดยสารไฟฟ้าถูกนำมาใช้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานีชาร์จสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็กำลังขยายตัวไปทั่วทุกมุมเมือง

การแก้ปัญหาด้วยนวัตกรรม

เกาสงแก้ปัญหาการเดินทางในเขตภูเขาซึ่งเป็นเรื่องยาก ด้วยการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะที่คล้ายกับ Uber แต่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับพื้นที่ภูเขา ทำให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลสามารถเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันหรือโทรศัพท์ได้อย่างสะดวก คิดค่าบริการในราคาเดียวกับในเมือง ซึ่งผู้สูงอายุสามารถใช้บริการนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ในด้านการดูแลสุขภาพ เกาสงได้ทำความร่วมมือกับศูนย์การแพทย์ใหญ่ 4 แห่ง และโรงพยาบาลอีก 18 แห่ง เพื่อพัฒนาระบบ Federal Learning Alliance ซึ่งช่วยให้โรงพยาบาลต่างๆ สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันได้ โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย และความปลอดภัยทางไซเบอร์ไว้ได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ เกาสงยังมีการร่วมมือกับอินวิเดียเพื่อใช้เทคโนโลยีเอไอในการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ การพัฒนายา การวิเคราะห์พันธุกรรม รวมไปถึงการพัฒนาแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล

อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพอัจฉริยะของเกาสงถูกนำไปประยุกต์ใช้ที่ประเทศไทยแล้ว โดยเป็นโซลูชันแบบครบวงจรที่รวมทั้งอุปกรณ์ และระบบการวินิจฉัยทางไกล

สำหรับการจัดการโครงสร้างพื้นฐานเมืองที่เริ่มเสื่อมสภาพ เกาสงได้นำเทคโนโลยี Digital Twin ซึ่งเป็นการจำลองเมืองในรูปแบบเสมือนจริง มาใช้ในการวางแผน และคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ เช่น การพยากรณ์น้ำท่วมเมื่อมีฝนตกหนัก ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเตรียมการป้องกัน และรับมือล่วงหน้า

เกาสงในวันพรุ่งนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ ไม่ใช่แค่เรื่องของเศรษฐกิจ แต่คือ “การเกิดใหม่” ของเมืองทั้งเมือง

เกาสงเคยเป็นเงาของไทเป แต่วันนี้ เมืองเล็กๆ แห่งนี้ กำลังกุมอนาคตของโลก ในทุกๆ ชิปที่ผลิตขึ้นจากที่นี่ อาจเป็นหัวใจของสมาร์ตโฟนเครื่องต่อไป อาจเป็นสมองของรถยนต์ไร้คนขับ หรืออาจเป็นเบื้องหลังเอไอที่ใช้งานอยู่ทุกวัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์