‘ไมโครชิพ’ ยก ‘6เมกะเทรนด์’ ดันโลกเปลี่ยน-สร้างโอกาสธุรกิจ
‘ไมโครชิพ เทคโนโลยี’ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐ ชี้ 6 เมกะเทรนด์ดิจิทัลเปลี่ยนโลก สร้างโอกาสเติบโตให้ธุรกิจยุคใหม่ พร้อมเร่งเดินหน้าพัฒนาโซลูชั่นตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 และโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไป
กาเนช มอร์ธี ประธานและกรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี จำกัด ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมปี 2564 และเมกะเทรนด์ใหญ่ๆ ที่จะสร้างความท้าทายในโลกของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์
เปิด 6 เมกะเทรนด์พลิกธุรกิจ
เขาระบุว่า แนวโน้มทางธุรกิจของ ไมโครชิพ ปีนี้ จะเป็นปีแห่งการเติบโตทางธุรกิจ จากผลพวงการอ่อนตัวลงในปี 2562 เนื่องจากปัญหาทางด้านการค้า และอัตราภาษี รวมถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นในปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 บริษัทมองเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก หรือ 6 เมกะเทรนด์ใหญ่ ที่จะเป็นตัวแปร และเข้ามาสร้างโอกาสให้ธุรกิจเติบโตขึ้นได้ในปี 2564 และอีกหลายปีต่อจากนี้
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก คือ 5จี, อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือไอโอที, ดาต้าเซ็นเตอร์, ยานยนต์ไฟฟ้า, ADAS/ยานยนต์ไร้คนขับ, ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ และการเรียนรู้ของเครื่องจักร
ดังนั้น กลยุทธ์สำคัญจากนี้ จะเน้นการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในการนำเสนอโซลูชั่นทางนวัตกรรมใหม่ๆ การลงทุนในการให้การสนับสนุนด้านเทคนิคที่โดดเด่น รวมถึงการลงทุนเพื่อสรรหาทุนที่จำเป็นเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโตของฐานลูกค้าของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ไมโครชิพฯ มีโรงงานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ในไทย โดยผลิตเพื่อการส่งออก และจากนี้จะเน้นเข้ามารุกตลาดในไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้สำนักงานใหญ่ของไมโครชิพ ในภูมิภาคนี้อยู่ที่ฮ่องกง เน้นผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เซมิคอนดักเตอร์สำหรับโซลูชั่นควบคุมแบบฝังที่เป็นอัจฉริยะ ให้บริการลูกค้ามากกว่า 120,000 รายในตลาดอุตสาหกรรม ยานยนต์ ผู้บริโภค อวกาศและการป้องกันประเทศ การสื่อสารและการประมวลผล
ขณะที่ การดำเนินงานของไมโครชิพเมื่อปี 2563 ยังคงดำเนินงานด้วยดีตลอดทั้งปี แม้เป็นปีที่ยากลำบากเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในภาคการผลิตและความต้องการซื้อที่ลดลงอย่างไม่คาดคิด ซึ่งเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของเรา เช่นเดียวกับการดำเนินงานของลูกค้า
มั่นใจปี 64 ตลาดจะกลับมาโต
กาเนช บอกว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานบางส่วนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 และยังส่งผลต่ออุปสงค์ของตลาดปลายทางบางส่วน เช่น ธุรกิจยานยนต์ อุตสาหกรรม ผู้บริโภค และธุรกิจการบินเชิงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม ตลาดปลายทางอื่นๆ เช่น ตลาดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจากที่บ้าน หรือเวิร์คฟรอมโฮม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังคงแข็งแกร่งในปี 2563 ซึ่งเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19
“เราคาดหวังว่าปี 2564 นี้จะเป็นปีแห่งการเติบโตทางธุรกิจซึ่งเป็นผลพวงจากการอ่อนตัวลงในปี 2562 เนื่องจากปัญหาทางด้านการค้าและอัตราภาษี รวมถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นในปี 2563 จากสถานการณ์โรคระบาด”
ขณะที่ โลกปัจจุบันล้วนมีความท้าทายในทุกมิติ ไมโครชิพ ต้องวางแผนเพื่อสร้างความสมดุลทั้งในด้านประสิทธิภาพ และกำลังที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้วิศวกรสามารถเอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้
เปิดอิสระวิศวกรฯ สร้างสรรค์งาน
“วิศวกรยังคงได้รับความท้าทายอันเกิดจากความต้องการในการนำเสนอโซลูชั่นทางนวัตกรรมใหม่ ที่จำเป็นต้องมีความสมดุลด้านประสิทธิภาพและกำลังที่เหมาะสม การจัดหาซอฟต์แวร์และเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อให้สามารถทำตลาดได้เร็วขึ้น และมีต้นทุนรวมที่สามารถแข่งขันกับกลุ่มแอพพลิเคชั่นเป้าหมายได้ ไมโครชิพให้อิสระแก่วิศวกรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านโซลูชั่นระบบที่มีความชาญฉลาด เชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ และมีความปลอดภัย ตลอดจนการสนับสนุนด้านเทคนิคในรูปแบบต่างๆ”
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ปี 2563 เป็นปีที่สำคัญที่สุดปีหนึ่งในการควบรวม และการเข้าซื้อกิจการ แต่ไมโครชิพ มองว่า การควบรวมและการเข้าซื้อกิจการเซมิคอนดักเตอร์ (M&A) ยังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมไม่เพียงพอ ส่งผลให้อุตสาหกรรมยังคงรวมกลุ่มกันเช่นเดิมมาเป็นเวลากว่า 10 ปี