วว.หนุนบีซีจี ดึงนวัตกรรมจัดการ 'ขยะ' เพิ่มมูลค่าสู่ชุมชน
วว.ร่วมขับเคลื่อนนโยบายบีซีจี ชูผลสำเร็จจัดการขยะชุมชนครบวงจรในพื้นที่ 4 ภูมิภาคของไทย ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน สามารถสร้างรายได้ให้หน่วยงานท้องถิ่นกว่า 10 ล้านบาทต่อปี
ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม บูรณาการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นระดับ อบต. และจังหวัด ในการพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ขับเคลื่อนการพัฒนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาขยะชุมชน ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี เพื่อเป็นโครงการนำร่องและขยายผลความสำเร็จในการจัดการขยะขนาดเล็ก ครอบคลุมพื้นที่ 4 ภูมิภาคของไทย ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ชลบุรี เชียงราย และหนองคาย ดำเนินการตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายใต้นโยบาย BCG ของรัฐบาล
โดยมีการใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ โดยใช้นวัตกรรมการแปรรูปเป็นวัตถุดิบรอบสอง เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ การผลิตเชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูงและใช้พลังงานทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากของเหลือทิ้งเพื่อก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals, SDGs)
มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มขยะพลาสติกโดยการแปรรูปด้วยนวัตกรรมให้กับหน่วยงานท้องถิ่น ในการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะชุมชน เพื่อให้เกิดรายได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีจัดการขยะชุมชนและน้ำเสียอย่างครบวงจร เพื่อใช้ในการศึกษาดูงานต่อการจัดการขยะชุมชนอย่างยั่งยืนทั้งระบบการคัดแยกและแปรรูป ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นศูนย์กลางในการคัดแยกและจัดการขยะชุมชนขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยี โดย วว. มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีและบุคลากร ที่พร้อมให้บริการ ให้คำแนะนำปรึกษาแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อความยั่งยืนในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ
เทคโนโลยีจัดการขยะชุมชนผลงานการพัฒนาของ วว. ที่นำไปใช้เป็นรูปธรรม ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1.ชุดคัดแยกขยะระบบกึ่งอัตโนมัติแบบเบ็ดเสร็จ ประกอบด้วยเครื่องคัดแยกขยะรองรับปริมาณขยะเก่าและขยะใหม่กำลังการผลิต 20-40 ตันต่อวัน พร้อมด้วยระบบกำจัดกลิ่นขยะ ระบบคัดแยกชนิดและสีพลาสติกบรรจุภัณฑ์ เพื่อแปรรูปเป็นวัตถุดิบรอบสองที่มีคุณภาพ ระบบผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อบำบัดมลพิษทางน้ำ และระบบการบำบัดน้ำชะขยะโดยใช้สารเร่งตกตะกอนจากผลงานวิจัยของ วว. ระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์และสารปรับปรุงดิน 2. ชุดคัดแยกชนิดและสีพลาสติกด้วยระบบ NIR และ Vision พร้อมระบบผลิตเกล็ดพลาสติกกำลังการผลิต 100 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถแยกชนิดและสีพลาสติกด้วยระบบ NIR และ Vision สามารถแยกพลาสติก PVC ออกจากพลาสติกชนิดอื่นได้ และผลิตเกล็ดพลาสติกที่สะอาดมีคุณภาพ
และ 3. นวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพร่วมกับสารปรับปรุงดิน ประกอบด้วยระบบผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัดถัง ระบบผลิตสารปรับปรุงดินชนิดน้ำ และระบบผลิตเชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูง (RDF5) เกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีจัดการขยะชุมชนอาคารคัดแยกขยะตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี “ตาลเดี่ยวโมเดล” เป็นรูปแบบของการบริหารจัดการขยะที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ให้เหมาะสมในแต่ละขั้นตอนการผลิตและแปรรูปซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ชุมชนเข้าถึง สามารถดำเนินการได้เอง จนทำให้เกิดผลสำเร็จ ซึ่งเป็นความสำเร็จแรกของ วว. ในการนำเทคโนโลยีไปดำเนินงานจัดการขยะชุมชนครบวงจร ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลตาลเดี่ยว จังหวัดสระบุรี ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 490 – 754 TonCO2eq ต่อเดือนต่อแห่ง เทียบกับการบริหารจัดการแบบเดิม
โดยศูนย์ต้นแบบนี้สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตเกล็ดหรือเม็ดพลาสติกรีไซเคิล มากกว่า 40 ตัน/สัปดาห์ สามารถสร้างรายได้ให้หน่วยงานท้องถิ่นกว่า 10,000,000 บาท/ปี/แห่ง มีการจ้างงานไม่น้อยกว่า 10 ราย และขยายภาคธุรกิจรีไซเคิล ธุรกิจในการคัดแยกและแปรรูปขยะไม่น้อยกว่า 3 ธุรกิจ หากผลักดันให้แก่หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กทั่วประเทศ กว่า 6,000 แห่ง จะก่อให้เกิดเม็ดเงินของธุรกิจรีไซเคิลเพื่อแปรรูปกว่าหมื่นล้านบาท สร้างธุรกิจขนาดย่อยเกิดการจ้างงานคนต่อการคัดแยกและแปรรูปกว่า 100,000 ราย ส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนในรูปแบบเชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูงจากขยะพลาสติกและของเหลือทิ้งภาคการเกษตร ลดการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง
ลดปัญหาฝุ่นและ PM2.5 สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเชื้อเพลิงขยะถึง 15 เท่า เกิดรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูง (HQRDF) ไม่น้อยกว่า 120,000 บาทต่อปีต่อแห่ง หากขยายผลให้แก่หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กทั่วประเทศ กว่า 6,000 แห่ง จะคิดเป็นรายได้ให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นในการจัดการขยะเพื่อแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงคุณภาพสูงทดแทนการนำเข้าถ่านหินไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสามารถสร้างรายได้ทางธุรกิจจากการขายผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปขยะ อาทิ ผลิตภัณฑ์ถ่านหอม 3 in 1 และชอล์กไล่มด ซึ่งชุมชนมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ชุมชนกว่า 240,000 บาท/ปี/แห่ง เกิดกิจกรรมบูรณาการจากทุกภาคส่วนในการดำเนินงาน มีการแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน สร้างคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในเขตการจัดการขยะชุมชนขนาดเล็ก
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ภายหลังจากการคัดแยก ได้ถูกนำมาใช้เป็นเส้นใยสิ่งทอ การผลิตเชื้อเพลิงคุณภาพสูงให้แก่อุตสาหกรรมกระดาษ และการผลิตสารปรับปรุงดินจากขยะเศษอาหาร และการนำพลาสติกเก่ามาผลิตยางมะตอยในการปูถนน เป็นต้น จากความสำเร็จของศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีจัดการขยะชุมชนอาคารคัดแยกขยะตำบลตาลเดี่ยว ได้มีการขยายผลการพัฒนาระบบจัดการขยะขนาดเล็ก โดยมุ่งการใช้ วทน. เพื่อแก้ปัญหาการคัดแยกขยะขนาดเล็ก เช่น การจัดการธนาคารขยะ สหกรณ์ขยะ
ซึ่งมักจะคัดแยกแต่ไม่สามารถนำไปขายเพื่อสร้างรายได้ การพัฒนาเป็นต้นแบบเครื่องจักรการคัดแยกขยะขนาดเล็ก การแปรรูป และบำบัดเพื่อย่อส่วนให้ชุมชนสามารถดำเนินการจัดการและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์วัตถุดิบรอบสอง และเชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูง รวมถึงการพัฒนาให้ชุมชนสร้างผลิตภัณฑ์นวัตอัตลักษณ์ขยายผลให้แก่ 3 ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดชลบุรี เชียงราย และหนองคาย สามารถสร้างรายได้ให้หน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนทั้ง 3 ภูมิภาคกว่า 3 ล้านบาทต่อปี ลดปริมาณขยะทั้ง 3 แห่ง สามารถลดภาระการจัดการขยะได้ไม่น้อยกว่า 2,160 ตันต่อปี