‘ชไนเดอร์’ หนุนลูกค้าทรานส์ฟอร์มสู้ศึกดิจิทัล
เปิดกลยุทธ์ธุรกิจปี 2564 ดึงดิจิทัลช่วยธุรกิจปรับตัว ชูสถาปัตยกรรมแบบเปิด หนุนลูกค้าทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล ตั้งเป้าเติบโตไปพร้อมกับคู่ค้า-ลูกค้า
นายสเตฟาน นูสส์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้ให้บริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น กล่าวว่า ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ วิกฤติไม่ทำให้หยุดพัฒนา ในทางกลับกันต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้พร้อมก้าวสู่โลกแห่งอนาคตได้เร็วขึ้น
ที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ปรับมุมมองโดยการเร่งการเข้าสู่โลกดิจิทัลได้เร็วขึ้นในทุกๆ กิจกรรมเพื่อรับมือกับวิกฤติ ด้วยเห็นว่า “ดิจิทัลอยู่ในทุกที่” ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในระดับครอบครัวผ่านแอพพลิเคชั่น การทำงานจากที่บ้าน และการปรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์
เขากล่าวว่า ทิศทางธุรกิจปีนี้ มุ่งสนับสนุนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงาน ใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับทุกคน ด้านกลยุทธ์มีการเรียงลำดับความสำคัญได้แก่ 1.ดิจิทัลในทุกๆ 2.การเติบโตไปพร้อมๆ กับพันธมิตร 3. ผลักดันส่งเสริม ดิจิทัลพาร์ทเนอร์ เพื่อความยั่งยืนและเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กับลูกค้า 4.เร่งขยายการบริการของเรา 5.การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนต่อเนื่องไป
นอกจากนี้ เร่งดำเนินการบริการด้านความยั่งยืน ช่วยให้ลูกค้าปรับตัวเข้าสู่รูปแบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนสร้างความสามารถในการแปลงระบบวงจรทั้งหมดให้เป็นดิจิทัลในด้านการจัดการพลังงานสำหรับ อาคาร อุตสาหกรรมและระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
“ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ หนี้ภาครัฐต่ำ การเข้าถึงดิจิทัลและโทรศัพท์มือถือสูง ทั้งเป็นประเทศที่มีภูมิศาสตร์ที่ดี ปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะสามารถเติบโตได้มากกว่าการเติบโตของจีดีพีประเทศไทย”
ปัจจุบัน ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ด้านหลักๆ ได้แก่ การจัดการพลังงาน (Energy Management) และ ระบบออโตเมชั่น สำหรับอุตสาหกรรม (Industry Automation) ด้วยโซลูชั่นและสถาปัตยกรรมแบบเปิด EcoStruxure ที่รองรับการใช้งานไอโอที เน้นให้บริการลูกค้าใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ อุตสาหกรรม และระบบโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับ ปี 2563 บริษัทมีผลประกอบการทั่วโลกอยู่ที่ 25 พันล้านยูโร ภาพรวมผลการดำเนินงานนับว่าดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยความสำเร็จมาจากการเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ การช่วยลูกค้าปรับใช้โซลูชั่นด้านดิจิทัล ใช้กลยุทธ์ดิจิทัลยกระดับการให้บริการ นอกจากนี้ธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซของชไนเดอร์ก็มีการขยายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า
นอกจากนี้ช่วงปี 2563 วางแผนเตรียมการสำหรับอนาคตโดยการซื้อบริษัทหลายแห่ง เพื่อมาช่วยต่อยอดศักยภาพด้านการจัดการพลังงานและโซลูชั่นซอฟต์แวร์ ที่ช่วยเติมเต็มรูปแบบการดำเนินงานในอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด