TikTok แนะเคล็ดลับพิชิตยอดขายเทศกาล Mega Sales
ปรากฏการณ์สำคัญของวงการอีคอมเมิร์ซที่สร้างแรงกระตุ้นในการจับจ่าย ช่วงเวลาที่แบรนด์และธุรกิจต้องงัดกลยุทธ์มาพิชิตยอดขาย ผู้บริโภครอคอยสินค้าลดราคา
TikTok รายงานว่า เทศกาล Mega Sales ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญของวงการอีคอมเมิร์ซที่สร้างแรงกระตุ้นในการจับจ่าย โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายที่มี Mega Sales สำคัญที่ทุกคนรอคอยตลอดทุกเดือน ตั้งแต่ 9.9, 10.10, 11.11 และ 12.12
ไม่เพียงแต่จะเป็นช่วงเวลาที่แบรนด์และธุรกิจต่างงัดกลยุทธ์มาพิชิตยอดขาย ขณะเดียวกันก็พบว่าผู้คนจำนวนมากรอคอยการมาถึงของเทศกาล Mega Sales โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่กล่าวได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้เป็น “นักช้อป” ตัวยง
ข้อมูลระบุว่า ในเทศกาล Mega Sales ผู้ใช้ TikTok มีการจับจ่ายสูงกว่าผู้ใช้ของแพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 62% ปรากฏการณ์สำคัญของ Mega Sales จึงไม่ได้เป็นเพียงมหกรรมลดราคาที่มาพร้อมดีลพิเศษที่ผู้คนรอคอย
อีกทางหนึ่ง TikTok พบด้วยว่า ความตื่นตาตื่นใจของเทศกาล Mega Sales สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คนมีการจับจ่ายมากยิ่งขึ้น และมีผู้คนมากมายที่ตั้งตารอคอยเทศกาลแห่งการช้อปปิ้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่พบว่า
- 70% ของผู้ใช้ TikTok รอคอยและตื่นเต้นกับเทศกาล Mega Sales
- 79% ของผู้ใช้ TikTok มีการซื้อสินค้าจากแบรนด์ใหม่แทนที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์เดิมที่คุ้นเคย
- 58% ของผู้ใช้ TikTok มีการซื้อสินค้าที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าแต่เป็นการซื้อหลังจากที่ได้ชมคอนเทนท์ของแบรนด์บน TikTok
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้ TikTok คือ กลุ่มเป้าหมายสำคัญและมีศักยภาพสำหรับธุรกิจในการวางแผนการตลาดเพื่อพิชิตยอดขายในเทศกาล Mega Sales ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่แบรนด์และธุรกิจจะได้ใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาด เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างยอดขายกันแบบต่อเนื่อง
เพื่อให้การวางแผนการตลาดในครึ่งปีหลังนี้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การวางกลยุทธ์เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเพิ่มยอดขายใน Mega Sales ควรมีการเริ่มสร้างแคมเปญโฆษณาล่วงหน้าอย่างน้อย 10-30 วันก่อนเริ่มแคมเปญ ซึ่ง TikTok For Business ได้แนะนำ 3 กลยุทธ์และเทคนิคการวางแผนการตลาดบน TikTok สำหรับเทศกาล Mega Sales โดยแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้
Phase 1: Inspire & Excite ในเฟสแรกนี้มีเป้าหมายสำคัญ คือ การสร้างความสนใจและความตื่นเต้นก่อนการมาถึงของเทศกาล Mega Sales รวมทั้งเป็นการเริ่มสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า และโปรโมชั่น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เตรียมตัวพบกับดีลสุดพิเศษที่พลาดไม่ได้ โดยเป็นโฆษณาในรูปแบบวีดิโอสั้นที่กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยเนื้อหาสำคัญที่ต้องมีในโฆษณา คือ ธีมของ Mega Sales, วันที่จะมีการจัดโปรโมชั่น, และจุดเด่นของสินค้า โดยเฟสแรกนี้แนะนำให้เริ่มทำตั้งแต่ 10 – 30 วันก่อน Mega Sales
Phase 2: Discovery & Consideration ในเฟสที่สองนี้การทำโฆษณาจะมีเป้าหมายเพื่อให้แบรนด์และสินค้าได้ถูกค้นพบ สร้างการจำจด และกระตุ้นความสนใจในกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ก่อนการตัดสินใจซื้อท่ามกลางการแข่งขันและช่วงชิงความสนใจบนพื้นที่ออนไลน์ในช่วงเวลานี้ สิ่งที่เป็นปัจจัยความสำเร็จ คือ ความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องมาพร้อมประสิทธิภาพในการทำให้เกิด call-to-action
งานครีเอทีฟที่ดีที่สุด คือ คอนเทนท์ที่ผู้ใช้ร่วมสร้างสรรค์หรือการสร้างสรรค์ผ่านกลุ่มครีเอเตอร์ ที่เรียกว่า User-generated content เพราะเนื้อหาประเภทนี้จะทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเหมือนกำลังชมโฆษณา และจะทำให้ผู้ชมตั้งใจดูและไม่เปิดผ่าน
เนื้อหาสำคัญที่ต้องมีในช่วงนี้ คือ ข้อมูลเกี่ยวกับโปรโมชั่น, ข้อเสนอ, การรีวิวสินค้าหรือการแกะกล่อง (unboxing) รวมถึงการกระตุ้นให้เกิด call-to-action ด้วยการเชิญชวนให้เก็บ Voucher หรือ เพิ่มปุ่ม add to cart เพื่อให้ไม่พลาดดีลพิเศษในวัน Mega Sales โดยเฟสนี้แนะนำให้ทำตั้งแต่ 7 – 10 วันก่อน Mega Sales
Phase 3: Retarget & Convert ในเฟสที่สามที่ถือเป็นโค้งสุดท้ายก่อนเทศกาล Mega Sales จะเน้นการ Retargeting ไปที่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าเดิมหรือผู้ที่แสดงความสนใจหรือเคยชมคอนเทนท์หรือโฆษณาของแบรนด์ก่อนหน้านี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเป้าหมายในการสร้าง Conversion หรือการตัดสินใจซื้อในวัน Mega Sales
โดยเนื้อหาสำคัญที่ต้องมีในงานโฆษณา คือ ข้อมูลเกี่ยวกับดีลพิเศษ, รายละเอียดของ Flash Sales, สินค้าที่เป็นไฮไลท์, การนับถอยหลังก่อนเริ่ม Mega Sales โดยเฟสสุดท้ายนี้แนะนำให้ทำตั้งแต่ 1 - 2 วันก่อน Mega Sales