‘นิวนอร์มอล’ ดัน ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ สะพัด ‘3.2 หมื่นล้าน’

ศูนย์วิจัยอีไอซี (EIC หรือ Economic Intelligence Center) ของธนาคารไทยพาณิชย์ เผยบทวิเคราะห์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็นตัวเร่งสำคัญที่ส่งผลให้ภาคธุรกิจนำเอาเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่ได้ประโยชน์ คือ “ดาต้า เซ็นเตอร์”

การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็นตัวเร่งสำคัญ ส่งผลให้ภาคธุรกิจนำเอาเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น "ดาต้า เซ็นเตอร์" เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้ประโยชน์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจาก 1.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคมาสู่วิถีใหม่ (new normal) ส่งผลให้ผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้ข้อมูลเพิ่มขึ้น

2.ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น หรือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยดำเนินธุรกิจในระดับองค์กร ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และ 3.หน่วยงานภาครัฐมีแนวโน้มผลักดันให้เกิดโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์กลางของภาครัฐ รวมถึงการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน

ดาต้า เซ็นตอร์ไทย “โต” ช้ากว่าโลก

อีไอซี ประเมินว่ามูลค่าตลาดให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ของไทย มีแนวโน้มเติบโตช้ากว่าตลาดโลก คาดว่าช่วงปี 2563-2565 ตลาดจะปรับตัวขึ้น 20% มาอยู่ที่ราว 3.2 หมื่นล้านบาท แต่ถือเป็นการเร่งตัวขึ้นจากการเติบโตเฉลี่ยช่วงปี 2561-2563 ซึ่งโตประมาณ 19%

ตลาดดาต้า เซ็นเตอร์ที่เป็นแบบ co-location คาดว่า จะเติบโตราว 6% มาอยู่ที่ 6.3 พันล้านบาทในปี 2565 ซึ่งเติบโตต่ำกว่าตลาดโลก (8%) มาจากภาวะเศรษฐกิจของไทยช่วงปี 2564-2565 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวช้ากว่าเศรษฐกิจโลก จากผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางธุรกิจตัดสินใจชะลอลงทุนด้านสินทรัพย์ไอทีลง บางส่วนเปลี่ยนไปใช้งานพับบลิคคลาวด์ มากขึ้น เนื่องจากใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยกว่า

ส่วนตลาดพับบลิคคลาวด์ของไทย มีแนวโน้มเติบโตได้ใกล้เคียงกับตลาดโลก (25% ) คาดว่าจะขยายตัวถึงราว 24% มาอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาทในปี 2565 จากการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ภายในองค์กรที่เพิ่มขึ้น

ส่วนมูลค่าตลาดการให้บริการ ดาต้า เซ็นเตอร์ รวมของโลก คาดว่า จะเติบโตต่อเนื่องราว 23% ช่วงปี 2563-2565 จากตลาดพับบลิค คลาวด์ที่เติบโตโดดเด่น เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การใช้งานระดับองค์กรภายใต้วิถีนิวนอร์มอล ทั้งนี้ มูลค่าตลาด ดาต้า เซ็นเตอร์รวมปี 2565 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 3.9 แสนล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 12 ล้านล้านบาท

ในอดีตตลาดบริการดาต้า เซ็นเตอร์ เติบโตเฉลี่ยช่วงปี 2561-2563 อยู่ที่ 22% หนุนโดยปริมาณใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัล การเข้าถึงสมาร์ทโฟน และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น การเติบโตดังกล่าวมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากโควิด-19 เร่งให้องค์กรนำเทคโนโลยีคลาวด์เข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น

‘คลาวด์’ หนุนลดต้นทุนไอที

อีไอซี คาดว่า เทรนด์ดังกล่าว จะยังดำเนินต่อเนื่องไปในอนาคต เนื่องจากเทคโนโลยีคลาวด์สามารถช่วยลดต้นทุนในด้านไอทีให้กับองค์กร และยังช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงานในองค์กร สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านซอฟต์แวร์ต่างๆ

จากการรวบรวมข้อมูลงานศึกษาแนวโน้มธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ ของสถาบันวิจัยชั้นนำ ในต่างประเทศ อีไอซี ประเมินว่ามูลค่าตลาด co-location จะเติบโตได้ในอัตราที่ช้ากว่าตลาดดาต้า เซ็นเตอร์โดยรวม คาดว่า จะโตได้ราว 8% มาอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ช่วงปี 2563-2565 เนื่องจากมีแรงกดดัน ของลูกค้าบางส่วนที่อาจเปลี่ยนไปใช้บริการพับบลิคคลาวด์แทน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับตัวขององค์กรเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน ขณะที่ตลาดพับบลิค คลาวด์ มีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 25% มาอยู่ที่ 3.4 แสนล้านดอลลาร์ปี 2565

นอกจากนี้ หากพิจารณาสัดส่วนมูลค่าตลาด ดาต้า เซ็นเตอร์ ในปี 2562 พบว่ามูลค่าตลาดของ พับลิค คลาวด์ อยู่ที่ 72% ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำกว่าสัดส่วนของตลาดโลกซึ่งมีสัดส่วนของพับลิค คลาวด์ ที่ราว 80% แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการขยายตัวของตลาด

พับลิค คลาวด์ ของไทยที่ยังมีอยู่มากในอนาคต สอดคล้องกับทิศทางตลาดที่คาดว่าอัตราการเติบโต ของพับลิค คลาวด์ จะสูงกว่า co-location ทั้งนี้สัดส่วนของรูปแบบการให้บริการของ พับลิค คลาวด์ พบว่ากว่า 93%

การเติบโตของทั้ง co-location และ พับบลิค คลาวด์มาจากปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้ข้อมูลทั้งจากผู้บริโภค ภาคธุรกิจ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ในส่วนภาคผู้บริโภค คาดว่าการใช้งานข้อมูลจะเติบโตต่อเนื่องตามการขยายตัวของธุรกิจคลาวด์ เกมมิ่ง,โอทีที(OTT) โซเชียลมีเดีย รวมถึงอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น การเติบโตนี้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น สะท้อนจากปริมาณใช้งานข้อมูลบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เฉลี่ยของไทยที่เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 38%