‘วีเอ็มแวร์’ แนะ‘แบรนด์ค้าปลีก’ ดึง ‘เอไอ-เทคฯเสมือนจริง’ปลุกลูกค้า

‘วีเอ็มแวร์’ แนะ‘แบรนด์ค้าปลีก’ ดึง ‘เอไอ-เทคฯเสมือนจริง’ปลุกลูกค้า

“วีเอ็มแวร์” เปิดบทวิเคราะห์ “บริการและข้อเสนอการค้าปลีกดิจิทัล” ที่สมจริงและยั่งยืน ช่วยพลิกวิกฤติอุตสาหกรรมค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่โอกาส ชี้ รากฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่ง จะเป็นกุญแจสำคัญหนุนเกิดนวัตกรรมการค้าปลีก

‘วีเอ็มแวร์’ แนะ‘แบรนด์ค้าปลีก’ ดึง ‘เอไอ-เทคฯเสมือนจริง’ปลุกลูกค้า

ผลศึกษา VMware Digital Frontiers 3.0 เปิดเผยว่า 41% ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงชอปปิงได้ไม่สะดุดเสมือนไปช้อปหน้าร้าน เนื่องผู้บริโภคจำนวนมากเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ค้าปลีก เพื่อสร้างประสบการณ์ชอปปิงที่เป็นส่วนตัวสูง นวัตกรรมที่เน้นความเป็นส่วนตัว และเหมาะสมกับการค้าปลีก เช่น ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีเสมือนจริง จะเป็นส่วนสำคัญกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผลชี้ว่า มากกว่าครึ่ง หรือราว 54% ชอบซื้อของกับร้านค้าปลีกแฟชั่นที่รู้รสนิยม และความชอบส่วนตัวว่า พวกเขาต้องการอะไร ขณะที่ 63% ของผู้บริโภคเปิดรับประสบการณ์ใช้งานเทคโนโลยีเสมือนจริง เช่น ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงลองสินค้ามีลักษณะอย่างไร หรือสินค้าจะพอดีกับพื้นที่ที่ต้องการหรือไม่ ขณะที่ กว่าสองในสาม หรือ 70% เชื่อ ปัญญาประดิษฐ์จะนำมาใช้ประโยชน์ทางสังคมอีก 5 ปี ข้างหน้า

ล็อกดาวน์ปลุกประสบการออนไลน์

64% ของผู้บริโภค ระบุว่า พวกเขาจะออกจากเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น หากปัญหาที่พวกเขาเจอไม่ได้รับการแก้ไข (เช่น แชทบอท, ไลฟ์แชท และโทรศัพท์) 41% จะออกจากเว็บผู้ค้าปลีกและหันไปเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือแอปของแบรนด์คู่แข่งหากไม่สามารถเสนอการส่งมอบสินค้าได้ภายใน 1-2 วันหลังจากสั่งซื้อ
 

‘วีเอ็มแวร์’ แนะ‘แบรนด์ค้าปลีก’ ดึง ‘เอไอ-เทคฯเสมือนจริง’ปลุกลูกค้า

วีเอ็มแวร์ ระบุด้วยว่า ร้านค้าที่มีหน้าร้านหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังเผชิญข้อจำกัด เนื่องจากการล็อกดาวน์ภายใต้การระบาดใหญ่ ดันให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ส่วน 61% ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พอใจที่ได้มีส่วนร่วมประสบการณ์ดิจิทัลกับร้านค้าปลีก แต่ 60% พร้อมที่จะหันไปช้อปแบรนด์คู่แข่งหากประสบการณ์ดิจิทัลไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆ

ทั้งนี้ ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง หรือ 57% รู้สึกตื่นเต้นกับบริการดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยียุคหน้า ซึ่งรวมถึงคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ และโมเดิร์นแอพพลิเคชั่น เทคโนโลยีเหล่านี้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้อุตสาหกรรมค้าปลีกเร่งสร้างนวัตกรรมและมอบประสบการณ์การค้าปลีกแบบองค์รวมและปลอดภัยยิ่งขึ้น ให้กับนักช้อปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำ วีเอ็มแวร์ ประเทศไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาด เป็นตัวเร่งให้อุตสาหกรรมค้าปลีกก้าวเข้าสู่ประสบการณ์ดิจิทัล นำไปสู่การพลิกโฉมในการซื้อสินค้าของผู้บริโภคอย่างถาวร ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ ‘จะยอมแพ้หรือสู้ต่อ’ ด้วยการนำประโยชน์จากนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น คลาวด์และโมเดิร์นแอพ มาใช้ เพื่อกำหนดวิธีที่แบรนด์เชื่อมต่อกับลูกค้าด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หรือยอมเสี่ยงที่จะเสียลูกค้าให้กับคู่แข่ง 
 

ขณะทีี่ แบรนด์ค้าปลีกยังต้องมุ่งเน้นไปที่การลดช่องว่างในการดำเนินงานทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ นำเสนอประสบการณ์ ออมนิแชนนัล (omnichannel) ที่เหนือกว่า เพื่อให้สามารถแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตได้ 

ความยั่งยืน สูตรสำเร็จธุรกิจยุคใหม่ 

"เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังมุ่งไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และกำลังพยายามใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (carbon-neutral) โดยพบว่า 43% ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยินดีจะจ่ายเบี้ยประกันภัยสำหรับสินค้าและบริการที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่เพิ่มก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ" 

ขณะที่ มากกว่าครึ่ง หรือ 55% จะหยุดการมีส่วนร่วมกับบริษัทหรือซื้อสินค้าจากแบรนด์ หากพวกเขาไม่เปิดเผยนโยบายด้านจริยธรรมของตนต่อสาธารณะ 63% ต้องการใช้บริการดิจิทัลมากขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น ไม่ต้องขับรถไปซื้อของที่ร้านค้า

ในไทยรัฐบาลสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล และความยั่งยืนในธุรกิจค้าปลีก โดยประกาศคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอันเป็นหนึ่งในสี่วัตถุประสงค์หลักของโมเดลเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 โดย 70% ผู้บริโภคในไทยพร้อมใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง เพื่อเก็บประสบการณ์ผู้บริโภคนำไปจำลองว่าสินค้ามีลักษณะอย่างไร หรือมีความเหมาะสมกับพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างไร

สมรภูมิค้าปลีกยังระอุ ดิจิทัลหนุน

ในขณะที่สมรภูมิการค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดำเนินไปในรูปแบบเสมือนจริง ผู้บริโภคมีความไว้วางใจสูงขึ้นกับแบรนด์ค้าปลีก ที่มีระบบดิจิทัลที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การช้อปปิ้งของพวกเขาให้โดนใจมากยิ่งขึ้น

ผลระบุว่า กว่าครึ่งของผู้บริโภค หรือ 53% รู้สึกสบายใจ และตื่นเต้นที่เปิดให้ผู้ค้าปลีกเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของพวกเขา ขณะที่ มากกว่าสองในสาม หรือ 68% รู้สึกสบายใจและตื่นเต้นกับการใช้เทคโนโลยีแบบรีโมท สนทนากับผู้ค้าปลีกแบบเสมือนจริง ซึ่งไม่ต่างจากประสบการณ์หน้าร้าน

อย่างไรก็ดี มีผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียง 36% ที่เชื่อมั่นว่าร้านค้าปลีกจะรับรองความปลอดภัยของข้อมูลของพวกเขา สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของร้านค้าปลีกในภูมิภาค ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากขึ้น โดยสร้างความโปร่งใสกับผู้บริโภคและสร้างแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือพร้อมปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานจากผู้ไม่หวังดี

ทั้งนี้ วีเอ็มแวร์ จัดลำดับความสำคัญหลักที่จะช่วยในการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ ไม่ว่าจะเป็น สร้างมัลติคลาวด์และแอพพลิเคชันรองรับบริการด้านค้าปลีกในอนาคต การปลดล็อกมัลติคลาวด์สำหรับอนาคตด้วยนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนผ่านแอพ  รวมไปถึง การรองรับทำงานแบบรีโมท จัดหาโซลูชั่นที่รองรับรูปแบบการทำงานในอนาคต จะช่วยให้พนักงานได้รับประสบการณ์ดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อและปลอดภัยยิ่งขึ้น