"มูฟแม็ก" ดีพเทคสตาร์ทอัพ ส่ง "เอไอ" กระชับต้นทุนขนส่ง

"มูฟแม็ก" ดีพเทคสตาร์ทอัพ ส่ง "เอไอ" กระชับต้นทุนขนส่ง

“มูฟแม็ก” (Movemax) ผู้ช่วยบริหารงานขนส่งสินค้าอย่างชาญฉลาดผ่านการนำเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างระบบปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและทำงานแทนการใช้คนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะขั้นตอนการวางแผนขนส่งที่และกระจายสินค้าที่มีความซับซ้อนสูง

ด้วยอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีการเติบโตสวนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทุกปี ส่งผลให้มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากและเกิดการแข่งขันที่สูง ผู้ประกอบการด้านขนส่งจึงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนในกระบวนการขนส่งและกระจายสินค้า เพื่อให้สามารถทำราคาค่าบริการได้ดีกว่าและแข่งขันได้ แต่จากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับอุตสาหกรรมในด้านนี้มามากกว่า 3 ปี ทำให้เข้าใจและมองเห็นปัญหาว่า การลดต้นทุนขนส่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก 

เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงใช้ระบบการทำงานแบบเก่าที่ยึดติดกับเอกสารและการบริหารงานที่ต้องพึ่งพิงพนักงานในทุกขั้นตอน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับต้นทุนจ้างพนักงานที่ค่อนข้างสูง รวมถึงต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงเกินความจำเป็นจากการวางแผนงานขนส่งที่ซับซ้อนด้วยคน

จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “มูฟแม็ก” (Movemax) ดีพเทคสตาร์ทอัพ ผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนวิถีการทำงานแบบแมนนวลสู่การทำงานแบบดิจิทัล ด้วยการเป็นผู้ช่วยบริหารงานขนส่งสินค้าอย่างชาญฉลาดผ่านการนำเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างระบบปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและทำงานแทนการใช้คนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะขั้นตอนการวางแผนขนส่งที่และกระจายสินค้าที่มีความซับซ้อนสูง

ทั้งยังมีซอฟต์แวร์สนับสนุนด้านโลจิสติกส์อื่นอีกมากที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบวงจร และสามารถช่วยให้การบริหารงานของผู้ประกอบการมีความคล่องตัว รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ โดยมีทีมงานหลักที่เป็นนักพัฒนารุ่นใหม่ นักการตลาด นักกลยุทธ์ และผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา อาทิ ด้านโลจิสติกส์ รวมถึงด้านเทคโนโลยีขั้นสูง

นายวิชาญ ชัยจำรัส กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท แฮนด์ดี้วิง จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารงานขนส่งและกระจายสินค้า “Movemax” กล่าวว่า มูฟแม็กถูกพัฒนาขึ้นจากคำถามท้าทายที่ว่า “เราจะสามารถลดต้นทุนให้ต่ำที่สุดได้อย่างไร โดยที่ประสิทธิภาพการขนส่งต้องดีกว่าเดิม” หลังจากประสบปัญหาความล่าช้าในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ การวางแผนขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ จนทำให้จัดส่งสินค้าไม่ทันเวลาและเกิดต้นทุนขนส่งที่สูงเกินความจำเป็น ตลอดจนการบริหารงานที่ตรวจสอบ ติดตาม “งาน สินค้า เงิน คน” ที่ทำได้ลำบาก จนส่งผลให้งานตกหล่น เกิดความผิดพลาดด้านข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นมูฟแม็กจึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้

ลดความผิดพลาดสูงถึง 90%

ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ในรูปแบบคลาวด์ดาต้า และเอไอเข้ามาช่วยจัดแผนขนส่งที่มีความซับซ้อนสูงเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ จากเดิมใช้เวลามากถึงครึ่งวันก็เหลือเพียงแค่ไม่กี่นาที ทั้งยังให้ประสิทธิผลมากถึง 30% ส่วนทางด้านการดำเนินการได้มีการใช้ไอโอที ไลน์ และโมบายแอพพลิเคชัน มาเป็นเครื่องมือในการติดตามงานขนส่ง และพนักงานขับรถแบบเรียลไทม์ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเว็บแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นพื้นที่ให้ลูกค้า บริษัท พนักงาน สามารถจัดการและติดตามข้อมูลร่วมกันได้ ช่วยลดขั้นตอนและเวลารวมถึงความผิดพลาดได้กว่า 90%

สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ได้มุ่งเป้าไปที่ภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและกระจายสินค้า ซึ่งครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการให้บริการ-รับจ้างขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องขนถ่ายวัตถุดิบสำหรับไลน์การผลิต ตลอดจนกิจการค้าปลีก หรือบริษัทที่ต้องมีการกระจายสินค้าไปยังสาขาย่อยหรือผู้บริโภคปลายทาง เป็นต้น ทั้งยังสามารถขยายและประยุกต์ใช้กับกลุ่มธุรกิจอื่นได้อีกหลากหลาย

“จากสถิติของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ธุรกิจประเภทการขนส่งทางบกมีจำนวนกว่า 3 หมื่นราย โดยมีสัดส่วน 98.53% คือธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางรวมกัน โดยธุรกิจขนาดใหญ่มีเพียงแค่ 1.47% เท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่าธุรกิจขนาดใหญ่มีศักยภาพที่สามารถจัดซื้อ จัดหาเครื่องมือเทคโนโลยี ได้มากกว่าธุรกิจรายย่อย ดังนั้นบริษัทฯจึงโฟกัสไปที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยตั้งเป้าหมายในการสร้างฐานลูกค้าให้ได้มากกว่า 5.6 พันราย ภายในปี 2567”

ตกผลึกเทคโนโลยีด้วยคนรุ่นใหม่

ในส่วนรายได้มาจากโมเดล Subscription ซึ่งมีการคิดค่าบริการตามจำนวนรถขนส่ง และเที่ยววิ่งที่เกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ยังมีแพคเกจบริการที่หลากหลาย รวมถึงมีระยะสัญญาเช่าใช้งานที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ได้ตามความต้องการ อาทิ รถประจำค่าบริการเริ่มต้น 300 บาท ต่อคัน ต่อเดือน

สำหรับความแตกต่าง คือ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่สูงกว่า ตอบโจทย์เชิงลึกได้มากกว่า และมีค่าบริการที่ถูกกว่าคู่แข่งรายอื่น ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯมีข้อมูลรถในระบบกว่า 1.8 พันคัน และมีเที่ยวขนส่งเกิดขึ้นกว่า 2 แสนเที่ยว ทั้งนี้จุดยืนมูฟแม็กไม่ได้เป็นเพียงซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่มองไกลไปถึงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อต่อยอดไปยังโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย ตลอดจนการส่งเสริมเรื่องสิ่งแวดล้อม การขับขี่ที่ปลอดภัย มุ่งสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง และส่งเสริมอุตสาหกรรมขนส่งของไทย ให้สามารถแข่งขันได้ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ดุเดือดในปัจจุบัน

“ปัจจุบันตลาดอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่ากว่า 9.8 หมื่นล้านบาท สะท้อนจากสถิติยอดจัดส่งพัสดุ หรือ ่ส่งสินค้าอยู่ที่ 10 ล้านชิ้น ต่อวัน จึงดึงดูดให้มีคู่แข่งหรือธุรกิจขนส่งเกิดขึ้นจำนวนมาก”

สำหรับภาพรวมการแข่งขันทางธุรกิจ หากนับเฉพาะซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวกับการบริหารงานขนส่งและกระจายสินค้าโดยตรง ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 7 ราย แต่เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกไปที่คู่แข่งแต่ละรายพบว่า มูฟแม็กยังคงมีความแตกต่างและโดดเด่นเหนือคู่แข่งอยู่หลายประเด็น

ประเด็นแรก คือเรื่องของเทคโนโลยีที่ลงตัว ด้วยความที่ทีมพัฒนาส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ จึงมีแนวคิดการพัฒนาตามยุคสมัยผสมผสานกับโซลูชันที่ตกผลึกโดยผู้มีประสบการณ์ ขับเคลื่อนด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างเช่น บิ๊กเดต้า 2.ค่าบริการ บริษัทฯสามารถทำได้ถูกกว่าคู่แข่งรายอื่น ด้วยเหตุผลเพราะมีงานเครื่องมือที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทที่สามารถย่นเวลาการพัฒนาซอฟต์แวร์และลดการใช้โปรแกรมเมอร์ได้ จึงทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ จนสามารถทำราคาได้ต่ำกว่า โดยไม่จำเป็นต้องกดราคา

จากการดำเนินธุรกิจความท้าทายของมูฟแม็ก คือ การสร้างความเข้าใจใหม่และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เนื่องด้วยธุรกิจขนส่งรายย่อยส่วนใหญ่คุ้นชินกับการขนส่งในรูปแบบวิถีเดิม หรือระบบแมนนวล การที่บริษัทฯนำเทคโนโลยีเข้าไปบุกเบิกหรือปรับเปลี่ยน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย มูฟแม็กจึงใช้กลยุทธ์ “แสดงให้เห็นผล” เพื่อทะลายกำแพงตรงนี้ ด้วยการการันตีความคุ้มค่า และเปรียบเทียบผลลัพธ์ให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่างของผลลัพธ์ก่อนใช้และหลังใช้ ด้วยการนำข้อมูลย้อนหลังของลูกค้ามาทดสอบและประมวลผล

ปรับกระบวนการให้มินิมอล

ส่วนความท้าทายในมุมของสตาร์ทอัพเขามองว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากคำว่า “Small” ทั้งข้อจำกัดทางการเงิน และทีมงาน แต่ต้องเรียนรู้ที่จะนำข้อจำกัดที่มี เปลี่ยนเป็น “Smart” ให้ได้ ด้วยการนำเทคโนโลยี เข้ามาปรับกระบวนการให้มินิมอลที่สุด

ทั้งนี้ขอบเขตการให้บริการจะครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และมีแผนขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนามและลาว ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีวัฒนธรรมและรูปแบบการขนส่งเหมือนไทย รวมทั้งมีสถิติการขนส่งในพื้นที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่การเข้าถึงเทคโนโลยีและคู่แข่งยังมีไม่มาก ดังนั้นบริษัทฯจึงมองว่าสามารถขยายและสเกลได้ด้วยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ในพื้นที่

ขณะเดียวกันสเต็ปตอนนี้บริษัทฯตั้งใจให้มูฟแม็กเป็นเครื่องมือที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ หรือ ลูกค้า ส่วนสเต็ปต่อไปประมาณปลายปี 2566 มีเป้าหมายที่จะนำลูกค้าของมูฟแม็กมาสร้างเป็นเครือข่ายผู้ประกอบการขนส่ง บนแพลตฟอร์ม “Moveclub” เพื่อเชื่อมโยงสินค้า และบริการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ทั้งหมด อาทิ มาร์เก็ตเพลส อะไหล่ยานยนต์ อู่ซ่อมรถ ประกันภัย สินเชื่อ เป็นต้น ซึ่งเขามองว่าจากการที่มีเดต้าเชิงลึกของลูกค้า จะทำให้สามารถนำบิ๊กเดต้าเข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายเพื่อนำเสนอบริการให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด ซึ่งจะเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ดีให้กับลูกค้าในอนาคต