จับตามหกรรมชอปปิง 11.11 ‘อาลีบาบา’ เล่นใหญ่ ปลุกกำลังซื้อสิ้นปี
“อาลีบาบา” โหมกลยุทธ์จัดมหกรรมวันคนโสด 11.11 ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ดึงความแข็งแกร่งเทคโนโลยี เพิ่มสีสันการชอปปิงออนไลน์ ดึงแบรนด์เข้าร่วมมากสุดเป็นประวัติการณ์ 290,000 แบรนด์ ธีมปีนี้มุ่งสร้างความยั่งยืนทั้งด้านการใช้ชีวิตของผู้บริโภค แบรนด์ และอีโคซิสเต็ม
นายคริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยภาพรวม ผลักดันการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ทำให้หลายธุรกิจและผู้บริโภคเข้ามาสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้น
นอกจากนี้ เป็นตัวจักรสำคัญที่ผลักดันการเติบโตการค้าข้ามแดน ซึ่งขณะนี้ผู้บริโภคชาวจีนจำนวนมากต้องการสินค้าที่ดีมีคุณภาพจากแบรนด์ต่างประเทศ ภายใต้ความท้าทายด้านการบริหารจัดการโลจิสติกและซัพพลายเชน ซึ่งต้องมีการนำเทคโนโลยีคลาวด์ เอไอ ดาต้าอนาไลติกส์ หุ่นยนต์ เข้ามาช่วยสนับสนุน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับอาลีบาบา มหกรรมชอปปิงออนไลน์ 11.11 ปี 2564 นี้ มุ่งสร้างความยั่งยืนทั้งด้านการใช้ชีวิตของผู้บริโภค แบรนด์ และทั้งอีโคซิสเต็ม มากกว่านั้นให้ความสำคัญอย่างมากกับประเด็นสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งใช้เทคโนโลยียกระดับประสบการณ์การชอปปิงออนไลน์ พัฒนาคอนเทนท์ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย
เขากล่าวว่า งานปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ธีมงานเน้นเรื่องความยั่งยืนและการให้คนทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วม สานต่อจากช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ที่มหกรรม 11.11 ได้แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้ออันมหาศาลของผู้บริโภคจีน และการก้าวข้ามขีดจำกัดของวงการค้าปลีกทั่วโลก
“งานปีนี้จะยิ่งก้าวไปอีกขั้นเพื่อใช้ศักยภาพของงานในการช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และกระตุ้นให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในอีคอมเมิร์ซ ทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และพันธมิตรทางธุรกิจในอีโคซิสเต็มของเรา”
โดยมหกรรม 11.11 ปี 2564 จะยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา มีแบรนด์เข้าร่วมถึง 290,000 แบรนด์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ทีมอลล์นำเสนอดีลพิเศษมากกว่า 14 ล้านดีลไปยังผู้บริโภคในจีนมากกว่า 900 ล้านคน ครอบคลุมทั้งคนรุ่นใหม่กระทั่งผู้สูงวัย การจัดงานแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะจัดระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน ส่วนช่วงที่สองซึ่งเป็นมหกรรมหลักจะจัดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ ไลฟ์สตรีมมิ่งจะเป็นช่องทางหลักที่แบรนด์และผู้ขายสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค สร้างความรับรู้ และกระตุ้นยอดขาย โดยตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ไปจนถึงสิ้นสุดมหกรรม 11.11 ทางเถาเป่า ไลฟ์ จะมีอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำ เซเลบริตี้ และตัวแทนจากแบรนด์รวมกัน 700 คน หมุนเวียนเข้ามาไลฟ์สตรีมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เถาเป่ายังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถแชร์ “ตะกร้าช้อปปิ้ง” ให้เพื่อนและครอบครัวเห็นได้ เพื่อสร้างประสบการณ์โซเชียลชอปปิงให้มากขึ้น
ด้านทีมอลล์ ยกระดับการรณรงค์เรื่องไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มหน้าเฉพาะสำหรับสินค้าที่ลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อโลก มีการแจกคูปองชอปปิ้ง “สีเขียว” มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา เปิดตัวจุดรับรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์ภายในศูนย์บริการของไช่เหนียว 10,000 แห่ง ใน 20 เมืองทั่วประเทศจีน