"โคเวสโตร" ปรับยุทธศาสตร์องค์กร กรุยทางสู่ ‘หมุนเวียน-ยั่งยืน’

"โคเวสโตร" ปรับยุทธศาสตร์องค์กร กรุยทางสู่ ‘หมุนเวียน-ยั่งยืน’

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “โคเวสโตร” ผู้ผลิตนวัตกรรมโพลิเมอร์และพลาสติกประสิทธิภาพสูง ที่มีฐานการผลิตในไทยมานานกว่า 60 ปี ล่าสุดได้ปรับโครงสร้างมุ่งกลยุทธ์ใหม่ “อนาคตที่ยั่งยืน” ตามแนวทาง SDGs ขององค์การสหประชาชาติ และขับเคลื่อนสู่การหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ

และเมื่อปี 2561 โคเวสโตรที่เยอรมนีประกาศตัวเป็นรายแรกของโลกผลิตโฟมโพลียูรีเทนชนิดแข็ง วัตถุดิบที่เป็นองค์ประกอบของเครื่องนอนจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งมาจากโรงไฟฟ้าซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลโรงงาน สามารถทดแทนวัตถุดิบน้ำมันประมาณ 20-30% และจะพัฒนาไปสู่สินค้าอื่นๆ ในอนาคตด้วย เช่น เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า พื้นสนามกีฬา เส้นใยสิ่งทอ ส่วนประกอบสำหรับอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์และแผ่นฉนวนต่างๆ

รุกทัพปรับกลุ่มธุรกิจ

ทีโม สลาวินสกี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด และผู้จัดการศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด ดีกรีปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยดอร์ทมุนด์ กล่าวว่า 

สำหรับการทรานฟอร์มจัดองค์กรรูปแบบใหม่ของโคเวสโตรในประเทศไทยนั้น เขามองว่า โคเวสโตรได้สร้างรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการจัดโครงสร้างกลุ่มบริษัทใหม่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่แบ่ง 3 กลุ่มธุรกิจเดิมอันได้แก่ กลุ่มโพลียูรีเทน กลุ่มโพลีคาร์บอเนต และกลุ่มผลิตภัณฑ์สารเคลือบ สารยึดเกาะ

และผลิตภัณฑ์เฉพาะด้านออกเป็น 7 หน่วยธุรกิจใหม่ โดยคำนึงจากปัจจัยความสำเร็จของแต่ละส่วน และรวมกิจกรรมการดำเนินงานไว้ในห่วงโซ่คุณค่าที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จในหน่วยงานใหม่เหล่านี้ ที่ตรงใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

จึงนับได้ว่า บริษัทสามารถบรรลุความสำเร็จแรกในการดำเนินกลยุทธ์ใหม่เพื่อ “อนาคตที่ยั่งยืน” ตามที่ได้มีการวางเป้าหมายไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา โดยที่วิสัยทัศน์ของ โคเวสโตร มุ่งสู่การหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบนั้นถือเป็นหลักการชี้นำของกลยุทธ์ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีที่โคเวสโตรมีพร้อมอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ หมุนเวียน ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างความยั่งยืนแก่สังคม

ชู 3 กลยุทธ์ทรานฟอร์มธุรกิจ

“สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้คือการเสริมสร้างธุรกิจให้เติบโตโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผ่านการดำเนินนโยบาย พัฒนา ลงทุน และคิดค้นอย่างยั่งยืน โดยที่ยังสามารถทำกำไรให้แก่ธุรกิจ ซึ่งบริษัทมีแผนการดำเนินงานตามกลยุทธ์เป้าหมาย คือ 1.การหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการมองหาวิธีใหม่ ๆ ในการนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์ การนำ Digitalization เข้ามาใช้ รวมทั้งการพัฒนาวิจัยต่างๆ”


2.การเติบโตอย่างยั่งยืน ได้ผสมผสานความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์และกระบวนการต่าง ๆ เข้ากับความต้องการของลูกค้า ด้วยการมุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาความยั่งยืนให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยที่ยังสามารถทำกำไรให้แก่ธุรกิจ ผ่านการใช้หลักการ “People, Planet, Profit” (PPP) ที่ส่งเสริมมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในระดับเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

โดยที่โคเวสโตรได้กำหนดเป้าหมายใหญ่ด้านความยั่งยืนสำหรับ ปี 2568 ว่าต้องการลดการปล่อยมลพิษส่งต่อมาตรฐานความยั่งยืนขององค์กรไปยังซัพพลายเออร์ มีการปรับการวิจัยขององค์กรให้สอดคล้องกับเป้าหมายของสหประชาชาติ ปรับปรุงการดำรงชีวิตของผู้คน 10 ล้านคนในตลาดที่ด้อยโอกาส และใช้งานคาร์บอนให้คุ้มค่า ทั้งจัดโครงการวิจัยและพัฒนาขององค์กรให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนา ซึ่งรวมถึงความยั่งยืน นวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล 

รวมทั้งผลงานโครงการวิจัยและพัฒนาของบริษัทฯจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ภายในปี 2568 ได้มีการตั้งเป้าการใช้จ่ายในโครงการวิจัยและพัฒนาสูง 80%
 

และ 3.การเป็นเราในแบบที่ดีที่สุด ได้มุ่งเน้นธุรกิจไปที่ความต้องการของแต่ละตลาดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า ผ่านการจัดระเบียบธุรกิจทั้งเจ็ดกลุ่มโดยคำนึงจากปัจจัยความสำเร็จของแต่ละส่วนและรวมกิจกรรมการดำเนินงานทั้งหมดไว้ในห่วงโซ่คุณค่าที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จในหน่วยงาน

ขณะนี้กลุ่มบริษัทได้แยกออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ “กลุ่มโซลูชันและผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน” และ “กลุ่มวัสดุประสิทธิภาพสูง” โดย 1.กลุ่มโซลูชันและผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน ประกอบไปด้วย 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มยูรีเทนออกแบบเฉพาะ กลุ่มเทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน กลุ่มสารเคลือบและสารยึดเกาะ กลุ่มอีลาสโตเมอร์ กลุ่มพลาสติกเชิงวิศวกรรม และกลุ่มวัสดุฟิล์มชนิดพิเศษ ความโดดเด่นคือการเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนและใช้นวัตกรรมขั้นสูง ซึ่งโคเวสโตรได้ผสมผสานเข้ากับการให้บริการเทคโนโลยีแอพพลิเคชัน

2.กลุ่มวัสดุประสิทธิภาพสูง ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจที่มีโพลีคาร์บอเนตมาตรฐาน ส่วนประกอบยูรีเทนมาตรฐาน และสารเคมีพื้นฐาน
ขยายธุรกิจสู่วัสดุทางเลือก 


ทั้งนี้ที่ผ่านมาโคเวสโตรให้บริการเกือบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง การก่อสร้าง ไม้เฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องไฟฟ้าใช้ในบ้าน ล้วนแต่เป็นอุตสาหกรรมหลักที่โคเวสโตรให้บริการ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของกีฬา การพักผ่อน เครื่องสำอาง สุขภาพ และอุตสาหกรรมเคมี

ส่วนการขยายหนทางไปสู่วัสดุทางเลือก เช่น พลาสติกชีวภาพนั้น โครเวสโตรมุ่งหาวิธีใหม่ ๆ ในการนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดของโลกไปใช้ให้เกิดประโยชน์และนำกลับมาใช้ใหม่ รวมทั้งสำรวจแหล่งวัตถุดิบทางเลือกอื่นที่ยั่งยืน เช่น ชีวมวลและของเสีย เพื่อมาใช้แทนที่ทรัพยากรฟอสซิลและแม้แต่คาร์บอนไดออกไซด์

ทั้งนี้อุตสาหกรรมโพลิเมอร์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุประเภทโพลีคาร์บอเนต และโพลียูรีเทนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักของโคเวสโตร ทำให้ปัจจุบันธุรกิจด้านโพลิเมอร์มีผู้ประกอบการรายใหญ่ประมาณ 6 รายในตลาดโลก โดยที่โคเวสโตรเป็นหนึ่งใน top 3 ของโลก เช่นเดียวกับในประเทศไทย และการที่โคเวสโตรมีทิศทางขององค์กรที่ชัดเจนพร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้ปี 2563 ยอดขายของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 10.7 พันล้านยูโร

ตั้งเป้าลดคาร์บอน
ในส่วนของการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือ เน็ตซีโร่ ทีโม กล่าวว่า บริษัทได้กำหนดเป้าหมายใหญ่ด้านความยั่งยืน เช่น ลดก๊าซเรือนกระจก (ที่เกิดจากการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อหนึ่งเมตริกตัน) ให้ได้ 50% ภายในปี 2568 เมื่อเทียบกับค่าพื้นฐานในปี 2548 ซึ่งสิ้นปี 2563 โคเวสโตรสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 46.2% 2.ส่งต่อมาตรฐานความยั่งยืนไปยังซัพพลายเออร์ 3.ปรับการวิจัยของโคเวสโตรให้สอดคล้องกับเป้าหมายของสหประชาชาติ 4.ใช้งานคาร์บอนให้คุ้มค่า


นอกจากนี้ โคเวสโตรยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันและวางนโยบายให้กระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆใน portfolio ไปในแนวทางการหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบในระยะยาว มีการพัฒนานวัตกรรมต่างๆเพื่อมุ่งไปสู่การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและการเป็น climate neutral ในอนาคต โดยให้ความสำคัญในเรื่องของ การใช้วัตถุดิบทางเลือก นวัตกรรมรีไซเคิล พลังงานทางเลือก และความร่วมมือกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย


“มุมมองในส่วนของการตลาด แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย แต่โคเวสโตรประเทศไทย ยังสามารถผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ตั้งเป้าจะมีโรงงานสำหรับผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์แห่งใหม่ ในศูนย์การผลิตโคเวสโตร ที่มาบตาพุด เพื่อขยายธุรกิจมากขึ้น” ทีโม กล่าวทิ้งท้าย