Hybrid Working ท้าทายโลกธุรกิจ ยุคนิวนอร์มอล
มาถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตรวมถึงการทำงานเปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าอะไรหลายๆ อย่างจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทว่าแนวคิดของผู้คนและความต้องการที่มีต่อองค์กรธุรกิจหรือนายจ้างกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
โอรางเซบ คาน รองประธานอาวุโส ระบบแสดงผลภาพอัจฉริยะ จาบร้า (Jabra) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แสดงภาพและเสียงชั้นนำ เล่าว่า ทุกวันนี้พนักงานในบริษัทต่างๆ ต้องการทางเลือกที่จะทำงานแบบไฮบริด และไม่ต้องการที่จะเดินทางเข้าไปที่สำนักงานทุกวันเช่นเดิม
จาบร้าสำรวจพบว่า พนักงานกว่า 48% ต้องการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งหากบริษัทไม่มีทางเลือกนี้ให้ก็มีแนวคิดที่จะลาออก โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลที่กว่า 63% ต้องการทางเลือกนี้
ที่ผ่านมา ได้เห็นด้วยว่าผู้ใช้งานระบบการประชุมออนไลน์ขยายตัวแบบก้าวกระโดด เช่น ไมโครซอฟท์ทีมส์และซูมเติบโตได้มากกว่า 10 เท่า และคาดว่าเทรนด์นี้จะยังคงอยู่และเติบโตได้ต่อเนื่อง
'ไฮบริด เวิร์คกิ้ง’ โตไม่หยุด
จาบร้าคาดการณ์ว่า ความต้องการของตลาดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโซลูชันด้านการประชุมออนไลน์จะเติบโตได้สอดคล้องกันไป โดยตั้งแต่การแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด 19 อย่างกะทันหันและรวดเร็วไปทั่วโลกเมื่อเดือนมี.ค. 2563 ได้นํามาซึ่งความต้องการใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพื้นฐานของการทำงาน การเรียน การใช้ชีวิต และการเสพความบันเทิงต่างๆ
กระทั่งปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์โดยภาพรวมจะดีขึ้นแล้ว ทว่าได้เกิดวิถีการทำงานรูปแบบใหม่ซึ่งสำนักงานหรือสถานศึกษาไม่ใช่สถานที่เดียวในการทำงานหรือเรียนรู้อีกต่อไป
“การใช้สถานที่ทำงานแบบผสมผสานระหว่างสำนักงานและบ้าน หรือเรียกว่า ไฮบริดเวิร์คกิ้งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะยังอยู่กับผู้คนในยุคนิวนอร์มอลไปอีกนาน”
เพิ่มเกมรุกตลาดประเทศไทย
ผู้บริหารจาบร้าวิเคราะห์ว่า วิถีการทำงานแบบนิวนอร์มอลหรือไฮบริด เวิร์คกิ้ง ได้เปลี่ยนรูปแบบห้องประชุมแบบเดิมและยังผลักดันให้เกิดความต้องการเทคโนโลยีห้องประชุมที่ก้าวล้ำ
สำหรับจาบร้า ล่าสุดนำโซลูชันสำหรับการทำงานแบบผสมผสานและวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ “พานาคาสท์ 50 (PanaCast 50)” เข้ามาทำตลาดในไทย มาพร้อมระบบห้องประชุมที่รองรับวิถีการทำงานยุคนิวนอร์มอล ใช้งานง่าย คล่องตัว และสะดวกมากขึ้น
ระบบดังกล่าวเป็นวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์สำหรับห้องประชุมที่ตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริด ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของจาบร้าและเลอโนโวที่พัฒนาให้ระบบภาพ เสียง โดยห้องประชุมสามารถใช้งานกับ Microsoft Teams Rooms
พร้อมมีชุดระบบห้องประชุมแบบโมดูลที่พัฒนาขึ้นให้สามารถทำงานตามวัตถุประสงค์ขององค์กรที่ต้องการอัพเกรดเทคโนโลยีห้องประชุมสำหรับการทำงานในยุคไฮบริด ที่พนักงานนั่งทำงานต่างสถานที่กันเพื่อประสิทธิผลของธุรกิจและยกระดับความสามารถในการทำงานร่วมกัน
ด้านแนวทางการตลาดจะทำผ่านพาร์ตเนอร์ทั้งหมด ขณะที่จุดแข็งที่ทำให้จาบร้ามีจุดต่างจากคู่แข็ง หลักๆ มาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ประหยัดพื้นที่การติดตั้ง ไม่ต้องลงทุนยิบย่อยแยกอุปกรณ์ ที่สำคัญสามารถนำเสนอประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ และไม่ทำให้ผู้ใช้งานต้องเสียสุขภาพจากอุปกรณ์ที่ไม่มีมาตรฐานรับรอง'เอไอ’ หนุนประสบการณ์ไร้รอยต่อ
สถาพร สัมภวะผล ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน ส่วนธุรกิจองค์กร จาบร้า เผยว่า ฐานลูกค้าในไทยครอบคลุมธุรกิจชั้นนำ รวมไปถึงสถาบันการศึกษา และองค์กรในท้องถิ่นต่างๆ โดยการลงทุนของภาคธุรกิจมีทั้งแบบที่ลงทุนใหม่ และยกระดับประสิทธิภาพอุปกรณ์ทดแทนระบบเดิมที่มีอยู่
“การทำงานวิถีใหม่แบบไฮบริดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดทั่วโลกและในประเทศไทย สอดคล้องไปกับการเติบโตของระบบการประชุมออนไลน์ต่างๆ ที่องค์กรต่างๆ เลือกใช้เพื่อทำงานร่วมกัน”
หลังจากนี้ เชื่อว่าการลงทุนในตลาดไทยจะยังคงเติบโต ด้วยภาคธุรกิจต่างมองหาเทคโนโลยีโซลูชันที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน รวมถึงอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน สามารถสนับสนุนการทำงานที่มีหลากหลายรูปแบบของพนักงาน
จาบร้าระบุว่า การให้อิสระพนักงานในการทำงานมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาศักยภาพและยกระดับการทำงาน และที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างการมีส่วนร่วม ความเท่าเทียม ซึ่งในเชิงเทคโนโลยีสิ่งที่จะเข้ามาตอบโจทย์และทำให้ส่วนนี้เป็นไปอย่างราบรื่นคือเทคโนโลยีเอไอ