‘หัวเว่ย’ ลงนามพันธสัญญาระดับโลก ‘Partner2Connect’
“หัวเว่ย” ร่วม “ไอทียู” ลงนามในพันธสัญญาระดับโลก “Partner2Connect” มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ผลักดันการเชื่อมต่อสู่ดิจิทัล สถิติระบุ สิ้นปี 2565 กว่า 95% ของประชากรโลกจะสามารถเข้าถึงบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แต่จะมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์
นายเหลียง หัว ประธานคณะกรรมการ บริษัทหัวเว่ย กล่าวว่า หัวเว่ยได้ร่วมลงนามในพันธสัญญาระดับโลกเพื่อเข้าร่วมพันธมิตรกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ในความร่วมมือด้านดิจิทัล “Partner2Connect” ซึ่งจะนำการเชื่อมต่อไปสู่ผู้คนประมาณ 120 ล้านคนในพื้นที่ห่างไกลในกว่า 80 ประเทศภายในปี 2568
“การเข้าถึงเครือข่ายที่มีเสถียรภาพ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยและสิทธิพื้นฐานในยุคดิจิล และการเข้าถึงเครือข่ายการเชื่อมต่อที่ได้มาตรฐาน ถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนชีวิตของประชากรอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้”
ทั้งนี้ การเชื่อมต่อจะกลายเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารมีความสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างคลาวด์ และ เอไอ การเชื่อมต่อจะนำทุกคนเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยเข้าถึงข้อมูลและทักษะต่างๆ รวมถึงบริการที่ดีกว่าเดิม โอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย และในภาพใหญ่จะช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจได้ในที่สุด
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล บุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัลและโมเดลทางธุรกิจต่างๆ ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาอย่างมีความสมดุลให้ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในประเทศ
ก่อนหน้านี้หัวเว่ยได้ประกาศว่า ภายในปี 2568 ด้วยโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีที่ได้รับการยกระดับด้านคุณภาพ หัวเว่ยจะเดินหน้าจับมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างการเข้าถึงด้านบริการทางการเงินบนแพลตฟอร์มดิจิทัลให้กับประชากรกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก และเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับประชากรกว่า 500,000 คน
สำหรับประเทศไทย หัวเว่ยได้เปิดตัว Huawei ASEAN Academy ในปี 2563 ซึ่งสามารถผลิตบุคลากรไอซีทีได้กว่า 60,000 คนและสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้กว่า 3,000 ราย
สถิติของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ พบว่า เมื่อปี 2565 สิ้นสุดลง กว่า 95% ของประชากรโลกจะสามารถเข้าถึงบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แต่จะมีเพียง 1 ใน 3 คนเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้
ขณะที่ประชากรในประเทศที่มีรายได้ต่ำ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เพียง 22% เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรในประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ถึง 91%
ด้วยเหตุนี้การเชื่อมต่อแบบดิจิทัล (Digital Connectivity) จึงจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมและระบบเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการจากทั่วโลก หัวเว่ยได้สร้างเครือข่ายมากกว่า 1,500 เครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนกว่าสามพันล้านคนในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค ในส่วนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ปัจจุบัน หัวเว่ย ได้ให้บริการการเชื่อมต่อแก่ผู้คนเกือบ 1.1 พันล้านคนและที่อยู่อาศัยกว่า 293 ล้านหลังใน 20 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีนและอินเดีย)
ปี 2564 หัวเว่ยมีสถานีฐานมากกว่า 300,000 แห่งในภูมิภาค ส่งผลให้ปัจจุบันมีเครือข่าย 4G ครอบคลุมถึง 97% ของประชากรทั้งหมด และอัตราความเร็วในการดาวน์โหลดอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่เกิน 110 Mbit/s ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นกว่า 17% จากปีที่แล้ว
สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยให้การสนับสนุนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดําเนินโครงการ USO NET ใช้โซลูชัน AirPON เชื่อมต่อพื้นที่ในชนบทที่ยังขาดการเชื่อมต่อเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมไทย
ปี 2564 โครงการ USO NET ได้ส่งมอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้แก่หมู่บ้านกว่า 19,562 แห่ง ซึ่งคิดเป็นหมู่บ้านในเขตชายแดนกว่า 3,920 แห่ง ทำให้ครัวเรือนกว่า 607,966 แห่งสามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงได้แล้ว
นอกจากนี้ ให้การฝึกอบรมด้านทักษะดิจิทัลให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านทักษะดิจิทัลระหว่างเขตเมืองและพื้นที่ห่างไกล