ก้าวใหม่ ‘เอปสัน’ เปลี่ยนเกมธุรกิจ ดัน ‘อิงค์เจ็ท’ หนุนวิชั่นความยั่งยืน
“เอปสัน” ชูวิสัยทัศน์ยึดความยั่งยืนสร้างอนาคตทางธุรกิจ ประกาศยุติการจำหน่ายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ภายในสิ้นปี 2566 พร้อมเดินหน้าลุยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเต็มไลน์อัพ ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ลูกค้าคอนซูเมอร์-ธุรกิจ
จุนคิชิ โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เอปสันกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าทั่วโลก
โดยปีที่ผ่านมา ได้ปรับวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยใช้ชื่อว่า “Epson 25 Renewed” ซึ่งเน้นการร่วมสร้างความยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชุมชน ผ่านการเชื่อมโยงผู้คน สิ่งของ และข้อมูล ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมแข็งแกร่ง มีทั้งประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด และความแม่นยำ ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัล เอาไว้ด้วยกัน
“กุญแจสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์นี้จะประกอบไปด้วยสิ่งแวดล้อม ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน และกระบวนการร่วมคิดร่วมสร้าง โดยเอปสันให้ความสำคัญกับด้านการมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้”
ที่ผ่านมา โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งซัพพลายเชนและพฤติกรรมผู้บริโภค ผลักดันให้หลายภาคส่วนหันมาให้ความความสำคัญกับประเด็นเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น
เอปสันจึงตัดสินใจยุติการจำหน่ายและกระจายสินค้า “เครื่องพิมพ์เลเซอร์” และหันไปทุ่มเทในการพัฒนา “เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท” ที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้มากกว่า
มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และบริการสามารถตอบโจทย์ความต้องการงานพิมพ์ในตลาดได้อย่างครบถ้วนทั้งกลุ่มคอนซูเมอร์และองค์กร ขณะที่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านนี้จะยังคงให้การสนับสนุนลูกค้าเครื่องเลเซอร์เหมือนเดิม
ชู 4 กลยุทธ์พิทักษ์สิ่งแวดล้อม
ผู้บริหารเอปสันเผยว่า เป้าหมายของเอปสันคือการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบและไม่มีการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2593 โดยจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และตลอดซัพพลายเชน
รวมทั้งนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนเข้ามาใช้ และลงทุนกับกระบวนการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย Decarbonization หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในโรงงานผลิตของเอปสันทั่วโลกภายในปี 2566
ด้านที่สองคือ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย Closed Resource Loop หรือการใช้ทรัพยากรแบบวงปิด โดยลดขนาดและน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ เน้นใช้วัสดุรีไซเคิล และยืดอายุการใช้งาน ด้านที่สามคือการช่วยให้ลูกค้าลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ด้านที่สี่ ผลิตภัณฑ์ของเอปสันที่ถูกออกแบบให้กินไฟน้อยลง ลดจำนวนวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนประกอบ และด้วยการลดของเสียที่เกิดจากการใช้เครื่องพิมพ์ระบบอนาล็อก โดยหันมาใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ทั้งในสำนักงาน ในเชิงพาณิชย์ หรือระดับอุตสาหกรรม และสุดท้าย ซึ่งเป็นด้านที่บริษัทฯ ลงทุนมากที่สุด ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม
เพิ่มโฟกัสลูกค้าธุรกิจเต็มตัว
สำหรับแนวทางสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต วางวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจและลูกค้าองค์กรเป็นหลัก ไม่เพียงนำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่จะต้องสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย
พร้อมกันนี้ นำเสนอเทคโนโลยี Heat-Free ที่เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไม่ใช้ความร้อน เพื่อช่วยลดการปลดปล่อยความร้อนรวมถึงก๊าซคาร์บอนฯ ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานในสำนักงาน
ผลการสำรวจต่อปริมาณการใช้พลังงานของสำนักงานทั่วไปพบว่าการใช้เครื่องพิมพ์นั้นบริโภคพลังงานมากเป็นอันดับ 4 รองจากเครื่องปรับอากาศ ไฟส่องสว่าง และคอมพิวเตอร์
ดังนั้นการนำเทคโนโลยี Heat-Free ที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้มากถึง 85% จะช่วยให้องค์กรธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นอย่างมาก และเป็นสาเหตุที่เอปสันตัดสินยุติการจำหน่ายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ดังกล่าว
ปี 66 ปิดเกมพิมพ์เลเซอร์
ซิ่ว จิน เกียด กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวเสริมว่า ภายใต้วิสัยทัศน์นี้ เอปสันได้ประกาศยุติการจำหน่ายและกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นเดือนธันวาคมปี 2566
ล่าสุด เปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ ที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับการพิมพ์คุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงานและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจอีกด้วย ลูกค้ามั่นใจได้ว่าคุณภาพและประสิทธิภาพที่เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ททำได้เทียบเท่าและดีกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์
ทั้งนี้ แนวทางธุรกิจของเอปสันในระดับภูมิภาคจะสอดคล้องไปกับนโยบายระดับโลก นอกจากสินค้าครอบคลุม จะมีโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้าน สำนักงาน หรือแบบไฮบริด มั่นใจว่าจากนี้จะได้เห็นซีเนริโอการเติบโตที่ดีทั้งกลุ่มธุรกิจและคอนซูมเมอร์
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า บริษัทจะเน้นการทำตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ทั้งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าไอทีและผู้จำหน่ายหลากหลายหมวดสินค้า อีกทั้งจะขยายช่องทาง ไปยังกลุ่ม Office Automation ที่จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน
สำหรับเครื่องรุ่นใหม่ที่เปิดตัว “Epson WorkForce Enterprise AM-Series” เป็นเครื่องระดับกลาง ความเร็วขนาด 40-60 หน้าต่อนาที เหมาะกับสำนักงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณการพิมพ์ต่อเดือนประมาณ 10,000-20,000 แผ่น
ประกอบด้วย รุ่น AM-C4000 พิมพ์เร็ว 40 หน้าต่อนาที รุ่น AM-C5000 พิมพ์เร็ว 50 หน้าต่อนาที และรุ่น AM-C6000 พิมพ์เร็ว 60 หน้าต่อนาที