‘เอปสัน’ ดันกลยุทธ์ ‘New 5’ ท้าทายตลาดเครื่องพิมพ์

‘เอปสัน’ ดันกลยุทธ์ ‘New 5’ ท้าทายตลาดเครื่องพิมพ์

ยักษ์พรินเตอร์ “เอปสัน” เดินเกมรุกหนักอุตสาหกรรมไอทีไทย ชูกลยุทธ์ “New 5” ผลักดันการเติบโตปี 2566 ไม่น้อยกว่า 10% ปักธงปั้น “นิวเอสเคิร์ฟ” ปูทางการเติบโตภายใต้พันธกิจ “สร้างคุณค่าที่แตกต่าง” และ “ความยั่งยืน”

Keypoints

  • เน้นสร้างความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า “New 5”
  • เพิ่มการลงทุนในประเทศไทย จัดตั้งโซลูชันเซ็นเตอร์พื้นที่กว่า 600 ตารางเมตร
  • ปี 2566 เอปสันตั้งเป้าสร้างการเติบโตให้ได้มากกว่า 10%

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2566 นี้ เอปสันตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตให้ได้มากกว่า 10% เป็นปีที่สามติดต่อกัน

โดยได้วางกลยุทธ์ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาด เน้นสร้างความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ให้กับธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า “New 5”

ประกอบด้วย New S-curve, New Target, New Business Model, New Service และ New Experience โดยยึดหลัก “ความยั่งยืน (Sustainability)” เป็นสาระสำคัญที่จะถ่ายทอดผ่านกลยุทธ์ทุกทาง

นอกจากนี้ เพิ่มการลงทุนในตลาดประเทศไทย โดยได้จัดตั้งโซลูชันเซ็นเตอร์พื้นที่กว่า 600 ตารางเมตร ซึ่งเตรียมเปิดตัวในเดือนต.ค.ปีนี้ และคร้ังนี้นับเป็นการลงทุนที่ทางสำนักใหญ่ให้ความสำคัญอย่างมาก

เอปสัน เน้นทำตลาดเชิงรุกและมีพลวัต มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ด้วยโซลูชั่นด้านผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อนำเสนอ “คุณค่าที่แตกต่าง (Value)”

ขณะเดียวกัน ผสมผสานแนวคิดด้านความยั่งยืน ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันให้ธุรกิจของผู้ใช้งานเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน

กำลังซื้อลด ไอทีอึมครึม

ยรรยงเปิดมุมมองว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดไอทีต้องเผชิญกับบรรยากาศที่อึมครึม เริ่มมาตั้งแต่ช่วงวิกฤติโควิด-19 มาจนถึงผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ภาวะเศรษฐกิจโลก และการส่งออกที่ชะลอตัว

“ปีที่ผ่านมาปัจจัยที่ส่งผลกระทบมีทั้งเรื่องหนี้สินครัวเรือนและกำลังซื้อที่ลดลง ทว่ายังมีปัจจัยบวกจากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การเพิ่มโฟกัสด้านความยั่งยืน การกลับมาของนักท่องเที่ยวหลังคลายล็อกดาวน์ ขณะเดียวกันบรรยากาศโดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้นผลพวงจากการเลือกตั้งทั่วไป”

จีเอฟเคระบุว่า ปี 2565 ตลาดรวมเครื่องพิมพ์ประเทศไทยเชิงมูลค่าติดลบ 5% จำนวนยอดขายติดลบ 8% ส่วนปีนี้จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าภาพรวมตลาดมีแนวโน้มทรงตัวหรือบวกลบประมาณ 2-3%

สาเหตุเนื่องมาจากมีการลงทุนอุปกรณ์ไอทีกันไปบ้างแล้ว ทั้งผู้บริโภคนำเงินไปใช้จ่ายด้านอื่นๆ เช่นการท่องเที่ยว แต่แม้ตลาดคอนซูเมอร์จะชะลอ แต่การบริโภคสินค้าไอทีของภาคธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันในธุรกิจเครื่องพิมพ์ที่การพิมพ์เชิงพาณิชย์ยังคงมีโอกาสเติบโต

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของเอปสันมาจากธุรกิจบีทูซี 65% บีทูบี 35% ตลาดบีทูบียังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักทุกปี

ธุรกิจโต 10% สวนกระแส

ปี 2565 ที่ผ่านมา การรับรู้รายได้รวมจากการขายผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มของเอปสันเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่สามารถทำได้ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 กลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม โฮมโปรเจคเตอร์ และเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัล

สำหรับปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่ภาคธุรกิจเอกชนและหน่วยงานราชการมีการลงทุนอุปกรณ์ไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร การใช้จ่ายของสถาบันการศึกษา มาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมไปถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว 

นอกจากนั้น ภาคการผลิตยังใช้ระบบซัพพลายเชนภายในประเทศ และการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ขณะที่ ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ก็เริ่มคลี่คลาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้ตลาดไอทีในประเทศมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น

บทสรุปความสำเร็จ

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ได้แก่ เครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม โดยมีการเติบโตสูงที่สุดถึง 170% ถัดมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมโปรเจคเตอร์ 64% อันดับที่ 3 กลุ่มเครื่องพิมพ์สิ่งทอระบบดิจิทัลที่เติบโต 52% ซึ่งได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจโดยรวม

ขณะที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีการเติบโตได้ดี ได้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ความสว่างสูงที่ 43%, กลุ่มเครื่องพิมพ์มินิแล็บ 29% ด้านเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขนาดใหญ่ที่ทางเอปสันได้นำเข้าไปทำตลาดแข่งขันกับกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารก็มีการเติบโตที่ดี

โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 23% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดจากเครื่องถ่ายเอกสารตามสำนักงานที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์อยู่เดิม