เมื่อ "ดิจิทัล" ต้องมาก่อน “บลูบิค” มองเทรนด์เพื่ออนาคต
ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา จากนิว นอร์มอลกำลังก้าวสู่ New World Order ทำให้ทุกองค์กรจึงต้องเร่งปรับตัว หาบาลานซ์แก่ธุรกิจ ดังนั้น เครื่องมือสำคัญคือ ดิจิทัล เพื่อช่วยให้การมองภาพเทรนด์ของธุรกิจชัดเจนขึ้น
พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ในปี 2566 นี้ บริษัทได้ปรับเปลี่ยนองค์กรเป็น “Digital-First Company” ที่ต้องเริ่มด้วยการคิดใหม่ในทุกแง่มุมของการทำธุรกิจ โดยมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน เชื่อมโยงและตอบโจทย์ธุรกิจ ทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย องค์กร ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม ซึ่งการมองเทรนด์ธุรกิจโลกอนาคตได้อย่างชัดเจนจะช่วยสร้างโอกาสให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
การเปลี่ยนองค์กรครั้งนี้ เป็นหัวใจสำคัญทำธุรกิจยุคนี้ ต้องอาศัยความความรู้ความเชี่ยวชาญหลายด้านประกอบกัน เพราะการทรานส์ฟอร์เมชั่นไม่ใช่เสร็จแล้วก็จบไป แต่การใช้ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น จะเกิดขึ้นไม่สิ้นสุดในโลกที่เทคโนโลยียังหมุนไปอย่างต่อเนื่อง
"การดึงเอาดิจิทัลมาช่วยองค์กรทรานฟอร์เมชั่นคือโลกของการผจญภัยที่ไม่สิ้นสุด"
ชูกลยุทธ์ “Growth at Scale”
เขา เล่าว่า เทรนด์ของบริษัทที่จะพยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงหรือทรานส์ฟอร์เมชั่น มี 5 ปัจจัยคือ
1. Super App ซึ่งการจะพัฒนาให้ประสบความสำเร็จมองว่าแต่ละบริษัทต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งในอดีตแอปฯมีไว้เพื่อการสร้างการติดต่อแต่ในปัจจุบันและอนาคต Super App จะเป็นช่องทางการช่วยสร้างรายได้ ดังนั้นผู้พัฒนายังต้องมีความเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการรองรับการขยายตัว เพิ่มขีดความสามารถ ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
2. เทคโนโลยีขั้นกว่าของปัญญาประดิษฐ์ (Augmented Intelligence) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือมากกว่าทำงานแทนมนุษย์ ดังนั้นการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจทั้งในฝั่งธุรกิจและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง
3. สร้างความน่าเชื่อถือ และเกราะป้องกันภัยทางไซเบอร์ ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่ตัวพนักงาน กระบวนการ และเทคโนโลยี โดยการผสมผสานกลยุทธ์และวิศวกรรมซอฟต์แวร์
4. เทคโนโลยีเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน โดยหลักการพื้นฐานแล้วเทคโนโลยีมีส่วนสนับสนุนและเกี่ยวข้องทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ยกตัวอย่างเช่น การย้ายข้อมูลขึ้นระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มช่วยลดการใช้กระดาษจำนวนมหาศาล การเพิ่มช่องทางการสื่อสารและพื้นที่บนโลกออนไลน์ให้กับชุมชน/สังคม และการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจด้วยด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เป็นต้น
5. Agile Operations แนวคิดการทำงานสำหรับองค์กรยุคใหม่ที่ใช้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกธุรกิจ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ความต้องการลูกค้า เทคโนโลยีใหม่ ๆ จนถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทำให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว
กางแผน5ปีปั้นรายได้โตแกร่ง
จากเทรนด์ธุรกิจดังกล่าวนี้ บลูบิค ได้มีการเตรียมแผนการขยายตัวของผลประกอบการที่ยั่งยืน โดยได้เร่งผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง บลูบิค และบริษัทในเครือ หนุนสร้างบริการหลักที่ครบวงจรมากขึ้นและครอบคลุมทั้งลูกค้าขนาดกลางและใหญ่ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรับงานขนาดใหญ่มูลค่าหลักหลายร้อยล้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่ปัจจุบันได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทในประเทศเวียดนาม ฮ่องกง อังกฤษ และอินเดีย และกำลังศึกษาโอกาสทางธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยคาดว่าใน ปี 2566 จะเป็นปีแรกที่บริษัทสามารถเติบโตแบบ Inorganic Growth หลังปิดดีลควบรวมกิจการวัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ (วีดีดี) และ อินโนวิซ โซลูชัน ทำให้สามารถบันทึกรายได้และกำไรของทั้งสองบริษัทได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกนี้
ดังนั้น จึงประเมินว่าผลประกอบการปี จะโตได้ถึง 120% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 100% ซึ่งจะเป็นการทำนิวไฮต่อเนื่อง 7 ปีซ้อนต่อจากปี 2565 ที่ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทโตทุบสถิติต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ถึง 70% ต่อปี ถือเป็นการเติบโตในอัตราที่สูงและเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ
“แม้ที่ผ่านมาบริษัทเจอกับการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมากขึ้น ก็เพราะการดำเนินงานรอช้าไม่ได้ เพราะจะทำให้องค์กรสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวนี้ทำให้ บลูบิค เร่งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมแกร่งด้านบริการที่สามารถรองรับทุกความต้องการของลูกค้าและช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว”