‘บราเดอร์’ เดินเกมเชิงรุก เขย่าธุรกิจ ‘เครื่องพิมพ์’

Keypoints

• เน้นการตลาดเชิงรุก ทำให้เกิดการรับรู้และการยอมรับในแบรนด์เพิ่มขึ้น 
• ความได้เปรียบของบราเดอร์คือ มีผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่ม “print” และ “non-print”
• ปีนี้หวังเติบโตไม่น้อยกว่า 5% มากกว่าตลาดรวมเครื่องพิมพ์ไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวราว 1-2%

ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ทิศทางธุรกิจของบราเดอร์ในปี 2566 นี้ มุ่งทำตลาดเชิงรุก เพื่อทำให้เกิดการรับรู้และการยอมรับในแบรนด์เพิ่มมากขึ้น 

ทั้งในกลุ่มลูกค้าองค์กรและกลุ่มลูกค้าผู้บริโภค ครอบคลุมทุกกลุ่มเจนเนอเรชัน โดยเฉพาะ “กลุ่มนิวเจน” ที่มีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก ด้วยการใช้กลยุทธ์ “แบรนด์พรีเซนเตอร์”

ธีรวุธบอกว่า ความได้เปรียบของบราเดอร์คือ การมีผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่ม “print” และ “non-print” ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการทุกเจเนอเรชัน ทำให้สามารถพัฒนากลยุทธ์การตลาดได้หลากหลายและปรับให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า

ปีนี้บราเดอร์มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในทุกกลุ่มตลอดปี ทั้งได้มีการปรับโครงสร้างทีมขายที่พร้อมจะสนับสนุนพาร์ทเนอร์ให้ร่วมสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน 

ที่สำคัญวางกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า ด้วยการจับมือแบรนด์ระดับโลกสร้างสรรค์ “collaborative product” เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่สินค้า เน้นเจาะกลุ่มธุรกิจกำลังซื้อสูง และเพิ่มศักยภาพบริการด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี

ตั้งเป้าโต 5% สวนกระแสตลาด

บริษัทวิจัยจีเอฟเครายงานตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดเครื่องพิมพ์ปี 2565 ว่า บราเดอร์ครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มเครื่องพิมพ์โมโนเลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 47.8%, กลุ่มเครื่องพิมพ์โมโนเลเซอร์อยู่ที่ 27.7%,

ขณะที่ กลุ่มเครื่องพิมพ์คัลเลอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 51.5%, กลุ่มเครื่องพิมพ์คัลเลอร์เลเซอร์อยู่ที่ 37.3% และกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แทงค์อยู่ที่ 23.4% โดยรวมปี 2565 บราเดอร์สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้ถึง 12% สัดส่วนมาจากกลุ่มพริ้น 88% นอนพริ้น 12%

ส่วนปีนี้หวังว่าจะทำได้ไม่น้อยกว่า 5% มากกว่าตลาดรวมเครื่องพิมพ์ไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวราว 1-2% ซึ่งแต่ละปีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทจะมียอดขายประมาณ 6 แสนเครื่อง เครื่องพิมพ์เลเซอร์ 2 แสนกว่าเครื่อง ทว่าเชิงมูลค่าสัดส่วนใกล้เคียงกัน

ประเมินขณะนี้นับว่ามีหลายปัจจัยบวก จากทั้งการคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีที่ 3.2% แนวโน้มเศรษฐกิจที่มีทิศทางดีขึ้น สถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย การท่องเที่ยวฟื้น รวมไปถึงธุรกิจต่างๆ สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ ขณะที่การเลือกตั้งทั่วไปน่าจะส่งผลเชิงบวก ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ตาม

เพิ่มโฟกัส ‘คอมเมอร์เชียล’

ทิพยา ไตรเสถียรกุล ผู้จัดการอาวุโสแผนกธุรกิจเครื่องพิมพ์ บราเดอร์ วิเคราะห์ถึงทิศทางตลาดเครื่องพิมพ์ในไทยว่า ภาพรวมตลาดยังคงทรงตัว ดังนั้นการที่บราเดอร์จะเติบโตได้จะต้องขยายส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น

ด้วยการวางแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าคอมเมอร์เชียลให้เข้มข้นยิ่งขึ้น สร้างสรรค์โปรแกรมการใช้งานที่เพิ่มความสะดวกและความคุ้มค่าเพื่อรักษากลุ่มลูกค้าในระยะยาว

เช่นเดียวกับกลุ่มตลาดรีเทลที่บราเดอร์ได้รุกตลาดอย่างเต็มที่ในปีที่ผ่านมาทั้งยังนำเสนอสินค้าใหม่ที่เพิ่มศักยภาพด้านคุณภาพการพิมพ์สู่ตลาด เพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีคุณภาพที่สุดสู่ตลาด และปีนี้จะสานต่อกลยุทธ์ดังกล่าวในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้มากขึ้น

นอกจากฐานตลาดเดิม เตรียมขยายกลุ่มลูกค้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่นกลุ่มศิลปินช่างสัก แฟชั่น โรงงานสกีนเสื้อผ้า และสถานบันเทิง ฯลฯ

ขยายทีม ชิงส่วนแบ่งเพิ่ม

พงษ์พันธ์ สุระวัฒน์เจริญ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขยายธุรกิจ บราเดอร์ วิเคราะห์ถึงกระแสนิยมด้านการพิมพ์ ณ ปัจจุบันว่า ความต้องการในแบบ “print on demand” หรือ “manage print service” ยังคงเป็นกระแสที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าคอมเมอร์เชียล 

ปีนี้บราเดอร์จะต่อยอดความสำเร็จที่สามารถเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ผู้นำในทุกกลุ่มตลาด non-print โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล GTX ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 80%

แผนการขยายส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้จะเน้นขยายตลาดสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ นำเสนอเชิงโซลูชัน ช่วงไตรมาสที่สองเตรียมนำเข้าสินค้าใหม่ๆ สำหรับกลุ่มตลาดคอมเมอร์เชียลและอินดัสเตรียล เพื่อเพิ่มโอกาสการขายให้มากขึ้น

พีรพงศ์ พรประมินทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย บราเดอร์ เผยถึงแผนการพัฒนาโครงสร้างทีมขายว่า กำหนดทิศทางการรุกตลาดโดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าคอมเมอร์เชียลเป็นหลัก ครอบคลุมทั้งการจำหน่ายผ่านพาร์ทเนอร์ตัวแทนขาย

พร้อมเดินหน้าขยายทีมและยกระดับศักยภาพของตัวแทนในทุกด้าน เป้าหมาย ต้องการเจาะเข้าสู่กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ อาทิ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เฮลธ์แคร์ ค้าปลีก การศึกษา ฯลฯ

โหมกลยุทธ์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

นรีรัตน์ นวนพรัตน์สกุล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บราเดอร์ เผยว่า บราเดอร์มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มเจนแซด 11% และคาดปี 2566 จะสามารถเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ขึ้นเป็น 20% โดยการจุดกระแสนิยมในครั้งนี้ บราเดอร์ ได้ทำการถอดรหัสพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ ผ่านการศึกษา customer journey เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างเจาะลึก

โดยพุ่งเป้าไปที่ภารกิจการสร้างคอมมูนิตี้คนรุ่นใหม่ให้เกิดขึ้น โดยจะเป็นเสมือนปัจจัยเสริมสร้างความสำเร็จให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยศักยภาพของสินค้าบราเดอร์ที่มีอย่างหลากหลาย

ผ่านกลยุทธ์ customer experience สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และเมื่อ บราเดอร์ มี community ที่แข็งแกร่งก็จะพัฒนาให้เกิด brand loyalty ได้ในอนาคต

รัสสิญากร ตัณฑวณิชย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บราเดอร์ กล่าวเสริมว่า ปีนี้จะใช้กลยุทธ์ 4C เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบริการ โดยจะนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนายกระดับ ให้ความสำคัญทั้ง Customer-ลูกค้า, Channel-ช่องทางการให้บริการ, Convenience-ความสะดวกสบายในการใช้บริการ และ Community-ชุมชน

ส่วนกิจกรรมเพื่อสังคม พรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและบริหาร บราเดอร์ กล่าวว่า เน้นดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG เพื่อการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน สอดรับไปกับแผนการพัฒนา BCG ที่ทั้งประเทศไทยและทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ