'กสทช. - สตช.' ขานรับกฎหมายใหม่ เร่งดันมาตรการสกัดอาชญากรรมเทคโนโลยี
กสทช.ผนึกสตช.ร่วมถกหารือ กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมตาม 'กฎหมายใหม่'
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการประกาศเผยแพร่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา ซึ่ง พ.ร.ก.ดังกล่าว มุ่งเน้นปกป้องประชาชนจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมในปัจจุบัน
โดยกฎหมายมีบทกำหนดโทษกับผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าและซิมโทรศัพท์ รวมไปถึงผู้ที่ชักชวนเป็นธุระจัดหาบัญชีม้าหรือซิมโทรศัพท์ ให้กับเครือข่ายอาชญากร เป็นการอุดช่องว่างที่ก่อนหน้านี้กฎหมายไปไม่ถึง
ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก.ใหม่ที่มีผลบังคับใช้ จึงได้จัดตั้ง “คณะอนุกรรมการบูรณาการ บังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ” ขึ้น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยประกอบด้วยผู้แทนซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่างๆ
อาทิ งานรับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อำนาจหน้าที่สำคัญของคณะอนุกรรมการชุดนี้ คือ การกำหนดแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย การเสนอแนวทางในการปรับปรุงกฎระเบียบและข้อบังคับ ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
รวมถึงการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารพาณิชย์, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. เพื่อให้แนวทางในการป้องกันและปราบปรามสัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.ดร. ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การวางกรอบแนวทางปฏิบัติเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเป็นรูปธรรม กสทช. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายและติดตามประเมินผล ที่ประกอบไปด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน และผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม เพื่อร่วมกำหนดแนวทางและประสานความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานในการระงับยับยั้งบัญชีผู้ใช้งานโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ตและบริการโทรคมนาคมอื่น ๆ ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิด
รวมไปถึงการสร้างแนวทางการรับรู้และการประชาสัมพันธ์ถึงภัยออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนตระหนักรู้และตื่นตัวซึ่งจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ