ยกระดับเทคโนโลยี 'การแพทย์' เปลี่ยนผ่านสู่ ‘เฮลธ์แคร์’ ยุคใหม่
ตั้งแต่วิกฤติโควิดเป็นต้นมา เห็นได้อย่างชัดเจนว่า การพัฒนายกระดับเทคโนโลยีด้าน “การแพทย์” อยู่ในความสนใจของบรรดาเทคคอมพานีระดับโลก รวมถึงผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขทุกภาคส่วน
เดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านบริการและอุปกรณ์ทางการแพทย์
สำหรับ หัวเว่ย ให้ความสำคัญกับการเร่งยกระดับรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเป็นอันดับแรกๆ
ทั้งนี้สอดคล้องไปกับภารกิจ "เติบโตในประเทศไทย” โดยจะเน้นไปใน 2 ทิศทางหลัก อันดับแรกคือการเน้นเพิ่มขีดความสามารถของพันธมิตร และระบบนิเวศของอุตสาหกรรมสาธารณสุขในประเทศไทย ผ่านโครงการและแผนงานต่างๆ พร้อมทั้งแนะนําแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจากประสบการณ์ของภาคอุตสาหกรรมระดับโลกให้แก่ประเทศไทย
อันดับที่สองคือ จัดหาโซลูชันที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนลูกค้าและสนับสนุนเป้าหมายด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรม
“เราจะเข้าไปเสริมความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและการประมวลผล สนับสนุนเป้าหมายการยกระดับสู่ไทยแลนด์ 4.0 พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับภูมิภาค”
เพิ่มลงทุนตลาดประเทศไทย
หัวเว่ย มีแผนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมสาธารณสุขไทย จากนี้จะเพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสาธารณสุขและสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างรากฐานทางดิจิทัลบนพื้นฐานของเทคโนโลยีขั้นสูงด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล หวังว่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมสาธารณสุขของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง
ปัจจุบันหัวเว่ยมีผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตรและได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมจำนวนมาก เช่น พยาธิวิทยาดิจิทัล (Digital Pathology), หอพักผู้ป่วยอัจฉริยะ (Smart Ward) และระบบจัดการโรงพยาบาลเสมือน (Hospital Operation Center หรือ Digital Twin)
เทคโนโลยีดังกล่าว ทำงานบนพื้นฐานของโครงสร้างเทคโนโลยี เช่น 5จี, ไวไฟ 6 และเทคโนโลยี all-flash Storage นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมีพันธมิตรในอุตสาหกรรมมากกว่า 3,000 ราย รองรับการให้บริการแก่องค์กรด้านสาธารณสุขมากกว่า 5,000 แห่งในประเทศต่างๆ กว่า 90 ประเทศทั่วโลก
“เราพร้อมผลักดันให้บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาและบริการที่ดีที่สุด เปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัล สามารถประยุกต์ใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ไปจนถึงการพัฒนาโซลูชันและแอปพลิเคชันด้านการดูแลผู้ป่วย”
ยกระดับบริการ เพิ่มการเข้าถึง
พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารในบริษัท สบาย อินฟราสตรัคเจอร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสาธารณสุขของประเทศไทย กล่าวว่า สาเหตุที่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงด้านไอทีในการแพทย์ยุคใหม่ ก็เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการรักษาคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการ
เช่น ด้านการรอคิว การลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การยกระดับประสบการณ์การใช้บริการของผู้ป่วย และการเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น”
โดยคาดว่า ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลคนไข้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อทั้งในและนอกโรงพยาบาล น่าจะเกิดขึ้นภายในเวลา 5 ปี รวมไปถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของสถานพยาบาลต่าง ๆ โดยไม่ละเมิดด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ปัจจุบัน แนวโน้มเรื่องการนำเทคโนโลยี Internet of Medical Things (IOMT) ในประเทศไทยเริ่มมีมากขึ้น ตลอดจนเรื่องบิ๊กดาต้า การวิเคราะห์ข้อมูล และการบริโภคในตลาดการแพทย์ (Consumerism in the medical market) ที่จะมีทั้งในมุมที่ดีและไม่ดี ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงยาและเครื่องมือทางการแพทย์ได้ง่ายมากขึ้น
ขณะที่ การแพทย์ทางไกลจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องพึ่งการมีระบบที่ดีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและยังรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับคนไข้ได้ด้วย