จะหรูไปไหน! "realme 11 Pro Series 5G" มือถือดีไซน์ GUCCI ที่จับมือ Lonely Planet
เปิดตัวครั้งแรกของโลก "realme 11 Pro Series 5G" สมาร์ตโฟนดีไซน์หรูระดับ "GUCCI" ที่จับมือกับ "Lonely Planet" เป็นพาร์ทเนอร์เรื่องกล้อง พร้อมกล้องทรงพลัง OIS SuperZoom 200MP ซูมไกลภาพไม่แตก
เปิดตัวแล้วสำหรับสมาร์ตโฟน 2 รุ่นใหม่ล่าสุดจาก realme แบรนด์สมาร์ตโฟน Gen Z ที่โตเร็วสุดของโลก ทั้ง realme 11 Pro+ 5G และ realme 11 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์เด่นมากมาย เช่น นวัตกรรมกล้อง OIS SuperZoom ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมประสิทธิภาพการซูม 4 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียดครั้งแรกของโลก
รวมถึงระบบชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC ที่ตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์ยุคใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่อัดแน่นมาให้ทั้ง 2 รุ่น
realme 11 Pro Series 5G มาพร้อมดีไซน์หรูหราโดดเด่นจากผลงานการคอลแลบกับอดีตนักออกแบบสิ่งพิมพ์ชั้นนำแห่ง GUCCI และจับมือกับพาร์ทเนอร์แมกกาซีนด้านการท่องเที่ยวชื่อดังของโลกอย่าง Lonely Planet ยกระดับการถ่ายภาพให้เหนือกว่า
KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปรู้จัก "realme 11 Pro Series 5G" ทั้งซีรีส์ ว่าหรูดูแพงและสเปคแรงแค่ไหน
จับมือ GUCCI เพื่อดีไซน์สุดหรู
realme Design Studio™ ทีมดีไซเนอร์อิสระของบริษัทที่เปี่ยมด้วยทักษะการออกแบบขั้นสูง ได้ร่วมมือกับ Matteo Menotto อดีตนักออกแบบลายพิมพ์และสิ่งทอแห่ง GUCCI เพื่อนำเสนอดีไซน์ระดับไฮเอนด์ของแบรนด์หรูชั้นนำสู่อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน
โดยเลือกใช้วัสดุ Premium Lychee Vegan Leather หนังวีแกนเกรดพรีเมียมลายลิ้นจี่ที่ให้สัมผัสเหมือนหนังแท้ด้วยผิวสัมผัสที่หรูหราและป้องกันรอยเปื้อนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี มอบความแตกต่างจากสมาร์ตโฟนแบบเดิมๆ ที่เป็นพลาสติกหรือกระจก ทำให้มีดีไซน์สุดหรูควบคู่กับความสะดวกสบายในการใช้งานอย่างลงตัว พร้อมผสานกรรมวิธีการเย็บแบบ 3 มิติเพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์ที่สวยงามสมจริงมากขึ้น ผสมกับการนำสิ่งทอ 3D Woven Texture ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแฟชั่นมาใช้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน
กล้อง 200MP ซูมไม่แตก
"realme 11 Pro+ 5G" มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหลัก OIS SuperZoom 200MP และรุ่น "realme 11 Pro 5G" มาพร้อมกล้อง OIS Prolight 100MP รองรับเอาต์พุตโดยตรง 100MP ทำให้ได้ภาพถ่ายที่ชัดเจนที่สุด เพื่อถ่ายภาพความละเอียดเต็มรูปแบบ
สำหรับ realme 11 Pro+ 5G ยังมาพร้อมประสิทธิภาพกล้องซูม 4 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียดครั้งแรกของโลก โดยเทคโนโลยีเหนือชั้นแบบนี้ ทาง "realme" ได้จับมือร่วมกับ Samsung พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีการถ่ายภาพ ISOCELL HP3 SuperZoom Sensor ซึ่งถือเป็นฮาร์ดแวร์กล้องที่ดีที่สุดในเซ็กเมนต์
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการซูมอัตโนมัติรุ่นแรกของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน เพียงแค่คลิกที่วัตถุที่ต้องการ สมาร์ตโฟนจะซูมให้อัตโนมัติ ช่วยให้คุณจัดองค์ประกอบภาพที่สวยงามได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว SuperOIS จึงมั่นใจได้ถึงความคมชัดแม้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวในที่แสงน้อย
ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์และโหมดถ่ายภาพอีกมากมายให้คุณเลือกใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ทั้ง Super NightScape, Super Group Portrait และ 2x Portrait แต่พิเศษสำหรับรุ่น realme 11 Pro+ 5G ที่จะมีฟีเจอร์การถ่ายรูปเพิ่มเติมอย่าง Moon mode, Handheld starry sky mode ให้คุณเป็นช่างภาพมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง
สมาร์ตโฟนสำหรับนักเดินทาง
"realme 11 Pro Series 5G" เป็นสมาร์ตโฟนที่เหมาะสำหรับการเดินทาง "realme" จึงได้ยกระดับการถ่ายภาพโดยได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ Lonely Planet นิตยสารคู่มือสำหรับนักเดินทางชื่อดัง โดยแต่งภาพด้วยลายน้ำจาก Lonely Planet และฟิลเตอร์หลากรูปแบบ (Cinematic, Crisp และ Tranquil) สร้างสรรค์ภาพถ่ายตามจินตนาการได้อย่างง่ายดายในขั้นตอนเดียว
นอกจากนี้ กล้องถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นยังใช้สถาปัตยกรรม HyperShot Imaging 2.0 ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายทั้งในเรื่องความคมชัดและสีสัน ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับโหมดการถ่ายภาพเจนใหม่อย่าง Street Photography Mode 4.0 จะทำให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพในทุกๆ ไลฟ์สไตล์
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี "realme 11 Pro 5G" ใช้กล้อง 16MP Sony Selfie Camera และ "realme 11 Pro+ 5G" ให้คุณถ่ายเซลฟีด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูง 32MP Sony Selfie Camera โดยทั้งสองรุ่นใช้เลนส์มุมกว้าง 90° โดยเมื่อถ่ายเซลฟี่แนวนอนจะทำการขยายช่วงเลนส์ให้โดยอัตโนมัติเพื่อเก็บภาพทิวทัศน์ด้านหลังได้มากขึ้น พร้อมอัลกอริทึม AI รุ่นอัปเกรดใหม่ ที่ช่วยเกลี่ยสีผิวให้สม่ำเสมอสวยงาม และให้โทนสีที่สมจริง
ยอดเยี่ยมทั้งภาพและเสียง
ทั้ง "realme 11 Pro+ 5G" และ "realme 11 Pro 5G" ใช้หน้าจอแสดงผลขอบโค้ง Curved Vision Display ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ขนาด 6.7 นิ้ว สัดส่วนหน้าจอ 93.65 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับกระบวนการ COP Ultra ระดับเรือธง ทำให้ขอบด้านล่างของทั้ง 2 รุ่นบางเพียง 2.33 มม.
ความถี่ในการหรี่แสงสูงถึง 2160Hz PWM รักษาความถูกต้องของสีในที่มืดและแก้ปัญหาการสั่นไหวภายใต้ความสว่างต่ำ ทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลกกับการปรับความสว่างอัตโนมัติได้ 20,000 ระดับ โดยจอแสดงผลใน "realme 11 Pro Series 5G" ผ่านการรับรองการป้องกันดวงตาสองชั้นโดยสถาบัน TÜV Rheinland จึงมอบประสบการณ์การมองที่สบายตาและถนอมดวงตาให้กับผู้ใช้งานได้สูงสุด
นอกจากนี้ยังมาพร้อม Turbocharged Touch Sampling ที่ 1260Hz ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป การตอบสนองบนหน้าจอ ที่ไวกว่า และยังเพิ่มโอกาสในการคว้าชัยชนะจนแซงหน้าเหนือคู่แข่งในเกม
ด้านระบบเสียงมาพร้อมลำโพงคู่ Dolby Atmos พร้อม Hi Res Two-factor Authentication จึงมอบเอ็ฟเฟ็กต์เสียงที่ชัดใสได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในการรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงโปรดของคุณ
ทรงพลังระดับแฟล็กชิป
ทั้ง "realme 11 Pro+ 5G" และ "realme 11 Pro 5G" ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 7050 5G ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมระดับเรือธง 8 คอร์ 64 บิต (2 ARM® Cortex-A78 @2.6GHz และ 6 ARM® Cortex-A55 @2.0GHz) ความถี่หลักของ CPU สูงถึง 2.6GHz ด้วยกระบวนการขั้นสูง 6 นาโนเมตรของ TSMC และการใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ จึงรับประกันได้ว่าคุณจะใช้งานแอปพลิเคชันทั่วไปและเล่นเกม ได้อย่างราบรื่นไม่มีกระตุกเมื่อปรับเฟรมเรตที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังเสริมประสิทธิภาพการรับสัญญาณ อินเทอร์เน็ตด้วย Antenna Array Matrix 2.0 ที่ช่วยปรับปรุงความแรงของสัญญาณ และลดเวลาแฝงผ่านเครือข่าย e-game อัจฉริยะและเทคโนโลยีเสาอากาศอัจฉริยะ DAT
แบตใหญ่ ชาร์จไว
"realme 11 Pro+ 5G" พร้อมระบบชาร์จ 100W SUPERVOOC Charge ครั้งแรกในเซกเมนต์ ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 26 นาที มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยด้วยมาตรฐานการป้องกัน 38 ชั้น ซึ่งช่วยลดความร้อนของอุปกรณ์ได้มากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์
ส่วนรุ่น "realme 11 Pro 5G" ให้ระบบชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC Charge ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ใน 47 นาที พร้อมระบบความปลอดภัยในมาตรฐานเดียวกัน
ทั้ง 2 รุ่นให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างยาวนาน รองรับการโทร 29 ชม. ฟังเพลงเกิน 20 ชม. ชมวิดีโอ 18 ชม. เล่นเกมนานกว่า 8 ชม. และยังสแตนด์บายแบบปกติได้เกิน 400 ชม.
ราคาและการวางจำหน่าย
- realme 11 Pro+ 5G รุ่นความจุ 8/512GB โทนสี Sunrise Beige และ Oasis Green ราคา 16,999 บาท
- realme 11 Pro 5G รุ่นความจุ 8/256GB โทนสี Sunrise Beige และ Astral Black ราคา 12,999 บาท
พรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคมผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยสั่งจองได้ในราคาเพียง 500 บาท
พิเศษสำหรับช่วงพรีออเดอร์รับของแถมฟรี มูลค่า 9,999 บาท และรับส่วนลดเพิ่มเติมตามแต่ละ ช่องทาง หรือเป็นเจ้าของได้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 7 กรกฏาคมเป็นต้นไป รับฟรี realme Gift Box มูลค่า 1,999 บาท
นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง Lazada โดยหากพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคมจะได้รับคูปองส่วนลดเพิ่มไปอีก 1,000 บาท