"Nothing Phone 2" คืออะไร? ทำไมถึงเป็นมือถือที่ต้องทุ่มเทมากเพื่อจะได้มา
รู้จัก "Nothing Phone 2" ให้มากขึ้น กับหลายเหตุผลที่ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ถูกพูดถึงทั้งความล้ำสมัยและความไฮป์ในแบบที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนแบรนด์ไหนทำได้มาก่อน
สมาร์ทโฟน Nothing Phone 2 ถูกจัดให้เป็นสมาร์ทโฟนแห่งอนาคตที่มาครบทั้งฟังก์ชันและแฟชั่น แถมยังถูกจัดให้เป็นสมาร์ทโฟนสุดไฮป์ (Hype) ทำนองเดียวกับสินค้าแฟชั่นอย่างเสื้อผ้ารองเท้า Limited ที่ใช่ว่าทุกคนจะได้ครอบครอง
KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที พาทุกคนไปรู้จัก "Nothing Phone 2" ให้กระจ่าง หลังจากเปิดตัวและเตรียมวางจำหน่าย 100 เครื่องแรกด้วยรูปแบบสุดเดือดวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม 2566 นี้ ในราคาเริ่มต้น 24,900 บาท
ก่อนหน้านี้ Nothing Phone เคยวางจำหน่ายในรุ่นแรกแล้ว มาในรุ่นนี้ "Nothing Phone 2" ยังคงดีไซน์คล้ายเดิมเอาไว้ เรียกง่ายๆ คือแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงหน้าตา ทว่าอัปเกรดบางจุดให้ว้าวกว่าเดิมสมฐานะมือถือสุดล้ำ เช่น ฝาหลังที่เป็นกระจกใส เผยให้เห็นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในตัวเครื่อง แล้วเสริมบารมีด้วย LED Glyph Interface แล้วตอกย้ำความล้ำไปอีกขั้นด้วยไฟ LED รวมทั้งสิ้น 33 โซน
ไฟ LED เหล่านี้มีไว้เพื่อแสดงสถานะ การแจ้งเตือน ที่เรียกว่า Essential Glyph Notifications แจ้งเตือนแยกเป็นรายบุคคลก็ได้ รายแอปพลิเคชันก็ได้ รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ของ Glyph Interface ให้ตอบสนองกับการทำงานของสมาร์ทโฟนในูปแบบต่างๆ อาทิ ตั้งนาฬิกาจับเวลาแล้วคว่ำหน้าจอลง หลอดไฟก็จะค่อยลดลงตามเวลา หรือเวลาปรับระดับเสียง ไฟที่ด้านหลังก็จะค่อยๆ ลดระดับ
ส่วนสเปกของ "Nothing Phone 2" ก็อัปเลเวลขึ้นจากรุ่นก่อนเพื่อเข้าใกล้ความเป็น Premium Phone ที่สุด เริ่มที่หน้าจอ 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล หน้าจอที่ใช้เป็นแบบ LTPO OLED รองรับจำนวนสี 1 พันล้านสี รีเฟรชเรท 120Hz แบบ Adaptive รองรับการสแกนนิ้วแบบ Optical ใต้หน้าจอ
Nothing Phone 2 มีกล้องหลังคู่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX890 ความละเอียด 50MP มาพร้อมระบบกันสั่น OIS + EIS ส่วนกล้อง Ultrawide ใช้เซนเซอร์ Samsung JN1 ความละเอียด 50MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60FPS ส่วนกล้องหน้าความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 32MP โดยปรับตำแหน่งรูกล้องมาไว้ตรงกลาง รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080P 60FPS
สำหรับขุมพลังของ "Nothing Phone 2" คือชิปอดีตเรือธงอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ที่ประสิทธิภาพยังล้นเหลือ
นอกจากนี้ "Nothing Phone" รุ่นนี้ยังมีให้เลือก 2 สเปก 2 ขนาดหน่วยความจำ ได้แก่ 12GB + 256GB / 12GB + 512GB ส่วนแบตเตอรีอยู่ที่ 4700 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 45W และไร้สาย 15W และยังมีระบบ Reverse Charging 5W เหมือนเดิม
ส่วนเรื่องความทนทาน Nothing Phone 2 มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นอยู่ที่ IP54
เรื่องราคาและการวางจำหน่ายก็ถือเป็นจุดที่ทำให้ Nothing Phone 2 ก้าวสู่เส้นทางของความไฮป์ เพราะจะวางจำหน่ายจำนวนจำกัด 100 เครื่องแรกแบบ First Come First Serve ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2566 ที่ร้าน Carnival สาขาสยาม สแควร์ ซอย 7 ซึ่งเป็นร้านสตรีทแวร์แฟชั่นเบอร์ต้นของไทย
โดย "Nothing Phone 2" ที่จะวางจำหน่ายมีด้วยกัน 2 สี คือสีขาวและสีดำ ในราคาดังนี้
- 12GB + 256GB ราคา 24,990 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 27,990 บาท