‘วีเอ็มแวร์’ แนะกลยุทธ์ ใช้ Generative AI ปฏิรูปธุรกิจ
McKinsey ประมาณการว่า generative AI อาจเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจโลกได้มากถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี 'วีเอ็มแวร์’ บิ๊กคอร์ป เทคฯ แนะกลยุทธ์ ใช้ Generative AI ปฏิรูปธุรกิจ
เอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำวีเอ็มแวร์ประเทศไทย เปิดมุมมองว่า เบื้องหลังที่จะทำให้ generative AI เกิดประโยชน์เมื่อนำไปใช้จริง ต้องมาพร้อมความสามารถใน การประมวลผล (Compute Capacity) เดินหน้าไปยังจุดที่มีการสร้างข้อมูล การประมวลผลข้อมูล และใช้งานข้อมูลขององค์กร
ไม่ว่าจะอยู่ใน พับบลิกคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ภายในองค์กร หรือที่ Edge รวมไปถึงการขับเคลื่อน “AI-enabled” บนแอปพลิเคชันรุ่นใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญ สร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงฟังก์ชันทางธุรกิจหลักๆ และขับเคลื่อนผลกระทบทางเศรษฐกิจ
มัลติคลาวด์’ รากฐานสำคัญ
วีเอ็มแวร์เผยว่า สภาพแวดล้อม “มัลติคลาวด์” เป็นรากฐานสำหรับแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย “เอไอแบบใหม่” โดย กลยุทธ์มัลติคลาวด์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจมีทางเลือกและความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้งาน ปรับแต่ง และใช้งาน “เอไอโมเดล” ในขณะที่ยังคงรักษาระดับความปลอดภัยและความยืดหยุ่นที่จำเป็นในทุกสภาพแวดล้อม
เนื่องจากทำให้ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่มีการทำงานอยู่กระจัดกระจายในระบบการประมวลผลแบบคลาวด์ง่ายต่อการควบคุมและใช้ประโยชน์
สอดคล้องไปกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมแบบไดนามิกของนวัตกรรมแอปพลิเคชันที่เริ่มต้นจากโปรแกรมพีซี เป็นเว็บแอป สู่แอปมือถือที่เราใช้งานกันอยู่ในขณะนี้
“เรากำลังเข้าสู่ยุคของแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ ระหว่างเส้นทางในการพัฒนาแอป คำถามที่เผชิญกันอยู่เสมอคือ เราจะผสานรวมไพรเวทเอไอเข้ากับความซับซ้อนของแนวทางการใช้งานของแต่ละธุรกิจอย่างราบรื่นและเคารพกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่หลากหลายได้อย่างไร? ”
‘เอไอ’ กลยุทธ์ที่ทุกองค์กรต้องมี
วันนี้ ระบบคลาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น แต่ได้กลายมาเป็นกลยุทธ์ที่ทุกองค์กรควรต้องมี ขณะเดียวกันการทำงานร่วมกันของเอไอและการประมวลผลแบบคลาวด์ไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเท่านั้น
อีกทางหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างเฟรมเวิร์กที่พร้อมสำหรับอนาคตที่รองรับทั้งความสามารถในการปรับเปลี่ยนและปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ไม่เพียงแต่สามารถรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับอนาคตด้วย
หากมองให้ลึกลงไปอีก โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แม้ว่าโซลูชันมัลติคลาวด์จะถูกใช้กันแพร่หลายอยู่แล้ว แต่การใช้งาน cross cloud ถือเป็นขอบเขตใหม่ที่ครอบคลุมการใช้งานทั้ง ไพรเวทคลาวด์ พับบลิกคลาวด์ พาร์ทเนอร์คลาวด์ และ sovereign cloud
“แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้อมูลกลายเป็นรากฐานสำคัญของความพยายามทางธุรกิจยุคใหม่ การมาบรรจบกันของข้อมูลและการเทรนเอไอได้ก่อให้เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า gen AI ได้อย่างเหมาะสม”
ปัจจุบัน การปรับใช้เทคโนโลยีเอไอกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจ ธุรกิจต้องเผชิญกับกลไกที่หลากหลายและความท้าทายในการนำไปใช้ พร้อมทั้งความกังวลเกี่ยวกับ IP privacy, data privacy และ cost control
นอกจากนี้ ต้องจัดการกับศักยภาพของ gen AI ให้สอดคล้องความซับซ้อนทางกฎหมายและกฎระเบียบที่จำเป็น ธุรกิจต่างๆ จึงต้องการ AI Foundation ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับ data privacy และ access control
‘วีเอ็มแวร์’ ลงสนามเต็มตัว
สำหรับ วีเอ็มแวร์ ล่าสุด ได้เปิดตัว “Private AI” เพื่อขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยี generative AI มาใช้ในระดับองค์กร และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เชื่อถือได้
โดยเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างสมดุล เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถได้ประโยชน์จากการใช้เอไอ แต่ยังสามารถรักษา ตอบโจทย์ ความเป็นส่วนตัวขององค์กรและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่ต้องปฎิบัติตาม (Compliances) ต่างๆ ได้
ครั้งนี้ทางวีเอ็มแวร์ยังได้ขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพาร์ทเนอร์อย่าง NVIDIA พร้อมพัฒนาสถาปัตยกรรมสำหรับโอเพ่นซอร์ส รองรับการทำงานร่วมเทคโนโลยีซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ดีที่สุด (OSS) ในปัจจุบันและในอนาคต