กสทช.-ตำรวจปราบอาชญากรรมออนไลน์ ยันคนไทยต้องลงทะเบียนถือครองซิมการ์ด
ขานรับนโยบายนายกฯ ประสานตำรวจเร่งตรวจสอบเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้อนหลัง กว่า 40,000 เบอร์ หาต้นตอตัวการใหญ่ ย้ำเตรียมประกาศฯยืนยันตัวตนผู้ครองซิมการ์ด 5 เบอร์ขึ้นไป เร็วสุดก่อนปีใหม่
พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (27 พ.ย.2566) คณะอนุกรรมการบูรณาการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐครั้งที่ 6/2566 เพื่อเร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบเรื่องอาชญากรรมออนไลน์ ขานรับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เนื่องจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ได้ส่งบัญชีหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่มีการแจ้งผ่านช่องทางออนไลน์ Thaipoliceonline.com จำนวน 41,398 หมายเลข ในจำนวนนี้เป็นหมายเลขที่โทรหลอกลวงและส่งเอสเอ็มเอส 11,219 หมายเลข เป็นหมายเลขที่ผูกกับบัญชีม้า 30,179 หมายเลข
สำนักงาน กสทช.จึงได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำการตรวจสอบ โดยจะกรองหมายเลขที่มีการกระทำความผิด แล้วแจ้งประสานขอข้อมูลไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) เพื่อขอทราบว่า ใครเป็นผู้ถือครองและผู้ใช้งานหมายเลขโทรศัพท์ กสทช.ต้องการทราบข้อมูลสำคัญที่เป็นข้อมูลการโทร เช่น ใครเป็นผู้ถือครอง มีการโทรไปที่ใดบ้าง โทรไปบ่อยแค่ไหน ตำแหน่งที่ใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ที่ไหน รวมถึงข้อมูลการชำระเงินเพื่อติดตามเอาผิดคนร้าย
โดยการติดตามเอาผิดกสทช.จะติดตามย้อนหลังไปถึงวันที่ 17 มี.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันที่พระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีผลบังคับใช้
สำหรับความคืบหน้าการใช้มาตรการกำกับดูแลการถือครองซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ หากมีการถือครองเกิน 5 หมายเลข ขึ้นไป จะต้องมายืนยันตัวตนกับโอเปอเรเตอร์ เพื่อให้ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ถือครองซิมการ์ดโทรศัพท์และเป็นผู้ใช้งาน โดยบอร์ดกสทช.ได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศการยืนยันตัวตนของผู้ถือครองซิมโทรศัพท์ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มก่อน จะนำผลเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด กสทช. โดยคาดว่าจะประกาศใช้เร็วที่สุดกลางเดือนธ.ค.หรืออย่างช้าที่สุดต้นปี 2567
พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า ในมาตรา 11 ของกฎหมายปราบอาชญากรรมออนไลน์ ระบุว่า ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ