อานิสงส์ดัชนีความเชื่อมั่น 91.30% ’ไปรษณีย์ไทย‘ทำรายได้โลจิสติกส์โต 19%
ไปรษณีย์ไทย เผยการดำเนินงานในปี 2566 ยังคงเติบโตท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง และเป็นขนส่งที่ผู้ใช้บริการให้ความเชื่อมั่นสูงสุดถึง 91.30% ชี้จากการปรับตัวตลอดทั้งปีทำให้สามารถทำรายได้รวมเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2565
ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่าภาคธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานและเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าภาคส่วนนี้ก็ต้องเผชิญกับความผันผวนทั้งต้นทุนพลังงาน การแข่งขันด้านราคา สภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์ รวมถึงเพิ่มโซลูชันการบริการเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
ตลอดปี 2566 ไปรษณีย์ไทยมีการปรับตัวเพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดกับคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ผู้ใช้บริการพึงพอใจเลือกใช้บริการ และสามารถทำรายได้รวมเพิ่มขึ้นสูงขึ้นกว่าปี 2565 และพลิกฟื้นไม่อยู่ในภาวะขาดทุน โดยสร้างรายได้จาก 4 กลุ่มธุรกิจศักยภาพหลักซึ่งประกอบด้วย 1.ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ 2.ธุรกิจไปรษณียภัณฑ์ 3.ธุรกิจระหว่างประเทศ และ4.ธุรกิจค้าปลีก-การเงิน
บุคลากรเก่ง-โครงข่ายแกร่ง
ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดคือ ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมีรายได้สูงกว่าปี 2565 ถึง 19.70% และมีปริมาณชิ้นงานสะสมสูงกว่าปี 2565 กว่า 26.18% ตามตลาดอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวจึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการทุกภาคส่วนที่มั่นใจใช้บริการกับไปรษณีย์ไทยตลอดปี 2566 ยืนยันได้จากผลสำรวจความเชื่อมั่นแบรนด์ไปรษณีย์ไทย ปี 2566 ที่สูงถึง 91.30%
สำหรับในปีนี้ ไปรษณีย์ไทยเล็งเห็นถึงการเพิ่มโอกาสให้กับตลาด สังคม และภาคเศรษฐกิจ ด้วยการใช้ศักยภาพของธุรกิจส่งมอบให้กับผู้ใช้บริการทุกภาคส่วน ด้วย บุคลากร-เครือข่ายที่แข็งแกร่งครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ โดยมีบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 ราย รวมทั้งที่ทำการไปรษณีย์และเครือข่ายเพื่อนพี่ไปรฯ ทั่วประเทศรวมกว่า 30,000 แห่ง กระจายในทุกพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สะดวกต่อการเข้ารับบริการ ความครบครันเพื่อผู้ใช้บริการ ด้วยการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตรงใจผู้บริโภค
อาทิ บริการ Courier Lite จัดส่งด่วนต่างประเทศครอบคลุม 33 ปลายทาง เพื่อขยายโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าได้จัดส่งสินค้ากลุ่มอาหารแห้ง และอื่น ๆ ในราคาประหยัด การส่งสินค้าที่ต้องการโซลูชันเฉพาะตัว เช่น ปลาสวยงาม ผลผลิตทางการเกษตร สิ่งของขนาดใหญ่ สิ่งของรูปร่างพิเศษ เป็นต้น คุณภาพบริการ
โดยเฉพาะบริการส่งด่วน EMS ที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว แม่นยำ จากระบบเทคโนโลยีดิจิทัล “GPS Tracking” ที่ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะได้แบบเรียลไทม์ ตรงต่อเวลา การนำจ่ายที่รวดเร็วทุกปลายทาง บริการรับฝาก-นำจ่ายทั่วทุกพื้นที่แม้เป็นพื้นที่ห่างไกล รวมถึงนำจ่ายทุกวันไม่เว้นวันหยุด และความปลอดภัยตลอดกระบวนการขนส่ง
สำหรับในปี 2567 ไปรษณีย์ไทยยังมีเป้าหมายที่จะขยายฐานผู้ใช้บริการไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ภาคธุรกิจออนไลน์ รวมถึงธุรกิจ SME ให้ได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากการใช้ระบบขนส่งที่มีคุณภาพ ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ โดยไปรษณีย์ไทยพร้อมส่งต่อคุณภาพที่ดีที่สุดให้ประชาชน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงาน ไปรษณีย์ไทย จะแถลงผลการดำเนินงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มี.ค. 2567 แต่เป็นที่ยืนยันแล้วว่ามีปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิและได้ฟื้นตัวจากภาวะขาดทุนมาตลอดในช่วง 2ปีล่าสุด
โดยผลประกอบการย้อนหลังมีดังนี้
– ปี 2561 รายได้ 29,298 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,809 ล้านบาท
– ปี 2562 รายได้ 27,162 ล้านบาท กำไรสุทธิ 589 ล้านบาท
– ปี 2563 รายได้ 23,712 ล้านบาท กำไรสุทธิ 238 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้ 21,226 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1,730 ล้านบาท
– ปี 2565 รายได้ 19,546 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 3,018 ล้านบาท